นครศรีธรรมราช - ฝนถล่มนครศรี น้ำป่าทะลักท่วมพื้นที่เกษตรยับ ภูเขาถล่ม สิชลยางพาราปลูกใหม่จ่อตายเพียบ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้ออกประกาศด่วนให้ 6 อำเภอ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยดินโคลนเฝ้าระวังสถานการณ์ และในขณะนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุจมน้ำแล้ว 2 ศพ
วันนี้ (24 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดฝนตกกระหน่ำอย่างหนักต่อเนื่องตลอด 2 วันที่ผ่านมา ส่งผลให้ลำคลองสายหลักทุกสายปริมาณระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยระดับน้ำในคลองท่าดี ต.ท่าดี อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นลำคลองสายหลักที่น้ำจะไหลผ่านเข้าสู่ตัวเมืองนครศรีธรรมราช ระดับน้ำที่ถูกวัดด้วยระบบ SCADA ของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ชี้วัดว่า ระดับน้ำเลยจุดวิกฤติที่ประมาณ 457 ซม.และยังคงมีฝนตกลงมาอย่างเนื่องตลอดเวลา และฝนยังคงตกบนเทือกเขาหลวงอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า น้ำป่าได้ไหลทะลักลงมาในหลายพื้นที่ เช่น อ.ร่อนพิบูลย์ อ.ลานสกา อ.พรหมคีรี โดยเฉพาะใน อ.พรหมคีรี น้ำป่าได้ไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่เกษตรกรรมในหลายหมู่บ้านของ ต.นาเรียง อ.พรหมคีรี ข้าวที่ใกล้เก็บเกี่ยวได้รับความเสียหายจำนวนมาก รวมทั้งพื้นที่ลุ่มที่ถูกยกร่องปลูกยางพาราจำนวนมากในพื้นที่ ม.3 และ 4 ต.นาเรียง ถูกน้ำป่าพัดเอาต้นยางเพิ่งปลูกใหม่สูงประมาณ 1-2 ฟุตเสียหายจำนวนมาก และที่สูงประมาณ 1 เมตรเศษ บอบช้ำอย่างหนัก บางแปลงเริ่มมีใบเหลือง เนื่องจากฝนตกสะสมมาก่อนหน้านี้แล้วส่อว่าจะยืนต้นตายอีกจำนวนมากเช่นกัน
ส่วนในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย คลื่นลมได้พัดกระหน่ำอย่างรุนแรง เรือประมงขนาดเล็กงดออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด เนื่องจากเกรงอันตราย ทำให้ขาดรายได้อย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว และในพื้นที่ ม.2 และ 3 ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง ยังคงได้รับความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่อง คลื่นลมกระหน่ำกัดเซาะชายฝั่งอย่างหนัก และหากสถานการณ์ยังคงเป็นไปเช่นนี้ในอีก 2-3 วันข้างหน้าหมู่บ้านทั้งสองจะอยู่ในระดับวิกฤต คลื่นจะกัดเซาะจนถนนพังหายไปอย่างแน่นอน และจะเข้าสู่หมู่บ้านอีกฝั่ง โดยยังไม่สามารถแก้วิกฤตดังกล่าวได้
นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ออกประกาศด่วนให้ 6 อำเภอ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยดินโคลนเฝ้าระวังสถานการณการณ์ คือ อ.พิปูน, ลานสกา, ฉวาง, นบพิตำ, พรหมคีรี, ร่อนพิบูลย์ เนื่องจากดินบนภูเขาอุ้มน้ำไว้เต็มพิกัดอาจจะเกิดภาวะดินถล่มลงมาได้
ขณะที่ นายพงศักดิ์ ตรึกตรอง ปลัดป้องกันอำเภอสิชล จ.นครศรีธรรมราช ได้เข้ากันพื้นที่เป็นเขตอันตรายในพื้นที่เชิงเขา ม.4 ต.ฉลอง อ.สิชล เนื่องจากภูเขาดังกล่าวได้ถล่มลงมาเป็นระยะทางกว่า 150 เมตร มีหินขนาดใหญ่ไหลลงมาพร้อมกับดินและโคลน ทำให้สวนผลไม้ของชาวบ้านที่อยู่เชิงเขาได้รับความเสียหาย และนับเป็นโชคดี เนื่องจากธารโคลนดังกล่าวได้ถล่มลงมาห่างจากบ้านเรือนของชาวบ้านเพียง 200 เมตรเท่านั้น โดยที่ไม่มีใครได้รับอันตราย
อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากได้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย รายแรก เมื่อเวลา 11.30 น. ร.ต.ต.อาทร อินทาม พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองนครศรีธรรมราช รับแจ้งเด็กจมน้ำที่บริเวณคูน้ำ ม.3 ต.ท่างิ้ว อ.เมือง นครฯ ทราบชื่อ เด็กหญิงวรรัตน์ พุทธศรี อายุ 9 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/1 ม.10 ต.โมคลาน อ.ท่าศาลา นครฯ โดยก่อนเกิดเหตุเด็กได้มาเที่ยวที่บ้านญาติ และได้ลงไปเล่นน้ำที่บริเวณคูน้ำข้างบ้าน ซึ่งมีน้ำลึกประมาณ 3 เมตร และได้พลัดจมโดยไม่สามารถช่วยเหลือได้ทัน
ต่อมาในเวลาไล่เลี่ยกัน พ.ต.ท.บัญชา จิตภักดี พนักงานสอบสวนเวร สภ.ลานสกา นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุคนพลัดตกน้ำตกเสียชีวิตขณะน้ำหลากที่น้ำตกท่าหา ม.9 ต.กำโลน อ.ลานสกา จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยลานสกา รุดไปให้การช่วยเหลือยังที่เกิดเหตุ พบว่า ผู้ที่พลัดตกลงไปในน้ำ คือ นายอรรถกร บุญเพชร อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 312 ม.9 ม.9 ต.กำโลน อ.ลานสกา นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบุตรชายของ นายนิพัฒน์ บุญเพชร รองนายก อบต.กำโลน ซึ่งมาเปิดร้านขายส้มตำอยู่ที่น้ำตกดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการค้นหาประมาณ 30 นาที จนพบร่างจมอยู่ในน้ำตกติดอยู่ที่โขดหิน จึงนำส่งโรงพยาบาลลานสกา เพื่อช่วยเหลือชีวิต แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้ และนายอรรถกร ได้เสียชีวิตในที่สุด
วันนี้ (24 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดฝนตกกระหน่ำอย่างหนักต่อเนื่องตลอด 2 วันที่ผ่านมา ส่งผลให้ลำคลองสายหลักทุกสายปริมาณระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยระดับน้ำในคลองท่าดี ต.ท่าดี อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นลำคลองสายหลักที่น้ำจะไหลผ่านเข้าสู่ตัวเมืองนครศรีธรรมราช ระดับน้ำที่ถูกวัดด้วยระบบ SCADA ของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ชี้วัดว่า ระดับน้ำเลยจุดวิกฤติที่ประมาณ 457 ซม.และยังคงมีฝนตกลงมาอย่างเนื่องตลอดเวลา และฝนยังคงตกบนเทือกเขาหลวงอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า น้ำป่าได้ไหลทะลักลงมาในหลายพื้นที่ เช่น อ.ร่อนพิบูลย์ อ.ลานสกา อ.พรหมคีรี โดยเฉพาะใน อ.พรหมคีรี น้ำป่าได้ไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่เกษตรกรรมในหลายหมู่บ้านของ ต.นาเรียง อ.พรหมคีรี ข้าวที่ใกล้เก็บเกี่ยวได้รับความเสียหายจำนวนมาก รวมทั้งพื้นที่ลุ่มที่ถูกยกร่องปลูกยางพาราจำนวนมากในพื้นที่ ม.3 และ 4 ต.นาเรียง ถูกน้ำป่าพัดเอาต้นยางเพิ่งปลูกใหม่สูงประมาณ 1-2 ฟุตเสียหายจำนวนมาก และที่สูงประมาณ 1 เมตรเศษ บอบช้ำอย่างหนัก บางแปลงเริ่มมีใบเหลือง เนื่องจากฝนตกสะสมมาก่อนหน้านี้แล้วส่อว่าจะยืนต้นตายอีกจำนวนมากเช่นกัน
ส่วนในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย คลื่นลมได้พัดกระหน่ำอย่างรุนแรง เรือประมงขนาดเล็กงดออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด เนื่องจากเกรงอันตราย ทำให้ขาดรายได้อย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว และในพื้นที่ ม.2 และ 3 ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง ยังคงได้รับความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่อง คลื่นลมกระหน่ำกัดเซาะชายฝั่งอย่างหนัก และหากสถานการณ์ยังคงเป็นไปเช่นนี้ในอีก 2-3 วันข้างหน้าหมู่บ้านทั้งสองจะอยู่ในระดับวิกฤต คลื่นจะกัดเซาะจนถนนพังหายไปอย่างแน่นอน และจะเข้าสู่หมู่บ้านอีกฝั่ง โดยยังไม่สามารถแก้วิกฤตดังกล่าวได้
นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ออกประกาศด่วนให้ 6 อำเภอ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยดินโคลนเฝ้าระวังสถานการณการณ์ คือ อ.พิปูน, ลานสกา, ฉวาง, นบพิตำ, พรหมคีรี, ร่อนพิบูลย์ เนื่องจากดินบนภูเขาอุ้มน้ำไว้เต็มพิกัดอาจจะเกิดภาวะดินถล่มลงมาได้
ขณะที่ นายพงศักดิ์ ตรึกตรอง ปลัดป้องกันอำเภอสิชล จ.นครศรีธรรมราช ได้เข้ากันพื้นที่เป็นเขตอันตรายในพื้นที่เชิงเขา ม.4 ต.ฉลอง อ.สิชล เนื่องจากภูเขาดังกล่าวได้ถล่มลงมาเป็นระยะทางกว่า 150 เมตร มีหินขนาดใหญ่ไหลลงมาพร้อมกับดินและโคลน ทำให้สวนผลไม้ของชาวบ้านที่อยู่เชิงเขาได้รับความเสียหาย และนับเป็นโชคดี เนื่องจากธารโคลนดังกล่าวได้ถล่มลงมาห่างจากบ้านเรือนของชาวบ้านเพียง 200 เมตรเท่านั้น โดยที่ไม่มีใครได้รับอันตราย
อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากได้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย รายแรก เมื่อเวลา 11.30 น. ร.ต.ต.อาทร อินทาม พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองนครศรีธรรมราช รับแจ้งเด็กจมน้ำที่บริเวณคูน้ำ ม.3 ต.ท่างิ้ว อ.เมือง นครฯ ทราบชื่อ เด็กหญิงวรรัตน์ พุทธศรี อายุ 9 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/1 ม.10 ต.โมคลาน อ.ท่าศาลา นครฯ โดยก่อนเกิดเหตุเด็กได้มาเที่ยวที่บ้านญาติ และได้ลงไปเล่นน้ำที่บริเวณคูน้ำข้างบ้าน ซึ่งมีน้ำลึกประมาณ 3 เมตร และได้พลัดจมโดยไม่สามารถช่วยเหลือได้ทัน
ต่อมาในเวลาไล่เลี่ยกัน พ.ต.ท.บัญชา จิตภักดี พนักงานสอบสวนเวร สภ.ลานสกา นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุคนพลัดตกน้ำตกเสียชีวิตขณะน้ำหลากที่น้ำตกท่าหา ม.9 ต.กำโลน อ.ลานสกา จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยลานสกา รุดไปให้การช่วยเหลือยังที่เกิดเหตุ พบว่า ผู้ที่พลัดตกลงไปในน้ำ คือ นายอรรถกร บุญเพชร อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 312 ม.9 ม.9 ต.กำโลน อ.ลานสกา นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบุตรชายของ นายนิพัฒน์ บุญเพชร รองนายก อบต.กำโลน ซึ่งมาเปิดร้านขายส้มตำอยู่ที่น้ำตกดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการค้นหาประมาณ 30 นาที จนพบร่างจมอยู่ในน้ำตกติดอยู่ที่โขดหิน จึงนำส่งโรงพยาบาลลานสกา เพื่อช่วยเหลือชีวิต แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้ และนายอรรถกร ได้เสียชีวิตในที่สุด