ตรัง - ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยางพารา จังหวัดตรัง ไม้ยางพารา และแปรรูปไม้ยางพารา กว่า 60 โรงงาน เตรียมขยายธุรกิจในประเทศอินเดีย หลังยอดส่งออกสินค้าไปประเทศอินเดีย มีมูลค่าการค้าถึงปีละ 211,000 ล้านบาท
นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ได้มีการเชิญผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยางพารา ไม้ยางพารา และแปรรูปไม้ยางพารา ทั้งในจังหวัดตรัง และจังหวัดใกล้เคียง ในพื้นที่ภาคใต้ มาร่วมสัมมนาและหารือเรื่องนักธุรกิจไทยก้าวไกลไปแดนภารตะ เนื่องจากประเทศอินเดีย หรือแดนภารตะนั้น ถือเป็นตลาดสินค้าที่มีศักยภาพสูง มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจดี และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บ้านพักอาศัย และศูนย์การค้า จนเป็นที่จับตามองของนักธุรกิจทั่วโลกเป็นอย่างมาก
ดังนั้น จึงก่อให้เกิดการไหลเวียนทางการลงทุนของประเทศต่างๆ เป็นจำนวนปีละกว่า 8.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉพาะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นโอกาสอันดีของสินค้าของประเทศไทยจากจังหวัดตรัง ที่ได้จะเข้าไปแสวงหาโอกาสทางการค้าในประเทศอินเดีย โดยเฉพาะยางพารา ไม้ยางพารา และแปรรูปไม้ยางพารา ซึ่งมีปริมาณการผลิตเป็นจำนวนมาก ขณะที่การคมนาคมทางเรือ ที่ท่าเทียบเรือกันตัง และแห่งใหม่ คือ ท่าเทียบเรือนาเกลือ ก็มีศักยภาพในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศอินเดียอย่างเต็มที่
นายอดลุย์ โชตินิสากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักความร่วมมือการค้าและการลงทุน เปิดเผยว่า มูลค่าการค้าระหว่างประเทศไทย กับประเทศอินเดีย ในปี 2553 ที่ผ่านมา มีมูลค่าสูงถึง 211,000 ล้านบาท หรือขยายตัวถึงร้อยละ 24.81 โดยประเทศไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้า 67,000 ล้านบาท โดยเฉพาะยางพารา ประเทศอินเดีย ถือเป็นตลาดส่งออกยางพารา ในลำดับที่ 7 ของประเทศไทย และปีที่ผ่านมาประเทศไทยยังได้ส่งออกยางพาราไปประเทศอินเดีย มีมูลค่าถึง 6,200 ล้านบาท หรือมีการขยายตัวถึงร้อยละ 65.27
ผู้อำนวยการสำนักความร่วมมือการค้าและการลงทุน เปิดเผยอีกว่า แม้ว่าประเทศอินเดียจะเป็นแหล่งปลูกยางพาราที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก เนื่องจากมีพื้นที่มาก และผลผลิตส่วนใหญ่ใช้ภายในประเทศ แต่ก็ยังไม่เพียงพอจึงต้องนำเข้ายางพาราจากประเทศอื่นๆ นับเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการไม้ยางพารา แปรรูปไม้ยางพารา และยางพารา กว่า 60 โรงงานของประเทศไทย ที่เข้าร่วมสัมมนาดังกล่าว จะได้เตรียมความพร้อมและเรียนรู้ในด้านต่างๆ เพื่อขยายธุรกิจไปยังประเทศอินเดียในอนาคต