นครศรีธรรมราช - ชาวปากพนังสุดทน ถูกน้ำท่วมมาแล้วนาน 3 เดือน แต่เงินช่วยน้ำท่วม 5,000 บาท ยังไม่ตกถึงมือทั้งอำเภอ จึงรวมตัวจัดการเตือนความจำคนในรัฐบาลชุดใหญ่ร่วมพันคนบุกที่ว่าการอำเภอ ประท้วงทวงถามหลังไม่คืบหน้า พร้อมทำหนังสือถึง “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผ่านทางนายอำเภอปากพนัง ผ่านไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และ ส.ส.วิทยา แก้วภราดัย ให้จ่ายก่อนยุบสภา
หลังจากที่มีชาวบ้านในหลายจังหวัดร้องเรียนเรื่องเงินช่วยเหลือน้ำท่วมที่ยังไม่ได้รับอีกเป็นจำนวนมากแล้วนั้น แต่ก็ยังพบว่าจนถึงบัดนี้การช่วยเหลือก็ยังไม่ทั่วถึง ทำให้ต้องมีทวงถามอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด วันนี้ (2 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีชาวบ้านอำเภอปากพนัง ประมาณกว่า 1,000 คน มารวมตัวกัน เพื่อขอทราบความคืบหน้าเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ผ่านมา ครัวเรือนละ 5,000 บาท โดยมีการทำหนังสือถึง ฯพณฯ ท่าน สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผ่านทางนายอำเภอปากพนัง ผ่านไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และ ส.ส.วิทยา แก้วภราดัย ซึ่งเหตุการณ์ชาวปากพนังประสบอุทกภัยน้ำท่วมตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2554 จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
สำหรับผู้ประสบความเดือดร้อนจากอุทกภัยในพื้นที่อำเภอปากพนัง จำนวน 11,212 ครัวเรือน ซึ่งยังไม่มีใครได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลแต่อย่างใด จึงมารวมตัวกันเพื่อต้องการรับทราบข้อเท็จจริง และความคืบหน้าของเงินช่วยเหลือ เพราะเวลาผ่านมาตั้ง 3 เดือนแล้ว โดยชาวบ้านได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมหลายระลอก ที่สำคัญชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางการเกษตร ถูกน้ำท่วมขังได้รับความเสียหาย จนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ จึงอยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลช่วยเหลือประชาชนด้วย
นายไพโรจน์ รัตนรัตน์ แกนนำผู้ชุมนุมประท้วง กล่าวว่า การมาชุมนุมในครั้งนี้เพื่อทวงถามท่านสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผ่านทางนายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด และ ส.ส.วิทยา แก้วภราดัย ว่า ที่ท่านมาให้ความหวังไว้ เมื่อที่มาตรวจความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเลย ซึ่งขณะเกิดภาวะน้ำท่วมมีการประกาศให้อำเภอปากพนังเป็นเขตภัยพิบัติ ชาวบ้านต้องอพยพหนีไปพักอยู่ที่ศาลาที่ว่าการอำเภอปากพนัง หลังจากนั้น ก็ไม่มีใครมาช่วยเหลืออะไรเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบ
ในครั้งนี้เรามารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 5,000 บาท ให้เหมือนกันกับทางภาคอื่นๆ และที่รัฐบาลประกาศจะยุบสภานั้น พวกเราขอร้องให้ท่านดำเนินเรื่องนี้ให้กับประชาชนก่อน เพราะเป็นเรื่องที่ควรช่วยเหลืออยู่แล้ว ซึ่งหลังส่งหนังสือถึงนายอำเภอแล้วก็จะเดินทางไปสอบถามทางเทศบาลถึงการดำเนินในเรื่องนี้ด้วย
หลังจากที่มีชาวบ้านในหลายจังหวัดร้องเรียนเรื่องเงินช่วยเหลือน้ำท่วมที่ยังไม่ได้รับอีกเป็นจำนวนมากแล้วนั้น แต่ก็ยังพบว่าจนถึงบัดนี้การช่วยเหลือก็ยังไม่ทั่วถึง ทำให้ต้องมีทวงถามอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด วันนี้ (2 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีชาวบ้านอำเภอปากพนัง ประมาณกว่า 1,000 คน มารวมตัวกัน เพื่อขอทราบความคืบหน้าเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ผ่านมา ครัวเรือนละ 5,000 บาท โดยมีการทำหนังสือถึง ฯพณฯ ท่าน สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผ่านทางนายอำเภอปากพนัง ผ่านไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และ ส.ส.วิทยา แก้วภราดัย ซึ่งเหตุการณ์ชาวปากพนังประสบอุทกภัยน้ำท่วมตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2554 จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
สำหรับผู้ประสบความเดือดร้อนจากอุทกภัยในพื้นที่อำเภอปากพนัง จำนวน 11,212 ครัวเรือน ซึ่งยังไม่มีใครได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลแต่อย่างใด จึงมารวมตัวกันเพื่อต้องการรับทราบข้อเท็จจริง และความคืบหน้าของเงินช่วยเหลือ เพราะเวลาผ่านมาตั้ง 3 เดือนแล้ว โดยชาวบ้านได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมหลายระลอก ที่สำคัญชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางการเกษตร ถูกน้ำท่วมขังได้รับความเสียหาย จนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ จึงอยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลช่วยเหลือประชาชนด้วย
นายไพโรจน์ รัตนรัตน์ แกนนำผู้ชุมนุมประท้วง กล่าวว่า การมาชุมนุมในครั้งนี้เพื่อทวงถามท่านสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผ่านทางนายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด และ ส.ส.วิทยา แก้วภราดัย ว่า ที่ท่านมาให้ความหวังไว้ เมื่อที่มาตรวจความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเลย ซึ่งขณะเกิดภาวะน้ำท่วมมีการประกาศให้อำเภอปากพนังเป็นเขตภัยพิบัติ ชาวบ้านต้องอพยพหนีไปพักอยู่ที่ศาลาที่ว่าการอำเภอปากพนัง หลังจากนั้น ก็ไม่มีใครมาช่วยเหลืออะไรเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบ
ในครั้งนี้เรามารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 5,000 บาท ให้เหมือนกันกับทางภาคอื่นๆ และที่รัฐบาลประกาศจะยุบสภานั้น พวกเราขอร้องให้ท่านดำเนินเรื่องนี้ให้กับประชาชนก่อน เพราะเป็นเรื่องที่ควรช่วยเหลืออยู่แล้ว ซึ่งหลังส่งหนังสือถึงนายอำเภอแล้วก็จะเดินทางไปสอบถามทางเทศบาลถึงการดำเนินในเรื่องนี้ด้วย