ปัตตานี - คนร้าย 4 คน ขับรถจักรยานยนต์มา 3 คันทำทีนำรถมาซ่อม จังหวะช่างเผลอใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงช่างเสียชีวิต และชาวบ้านบาดเจ็บสาหัสอีก 1 ก่อนทิ้งรถจักรยานยนต์ไว้ 1 คัน ซุกระเบิดหวังสังหารเจ้าหน้าที่ขณะเข้าตรวจสอบ โชคดีกู้ทันรอดตายหวุดหวิด
เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้(17 ก.พ.) พ.ต.อ.ระพีพงษ์ สุขไพบูรย์ ผกก.สภ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันที่ร้านซ้อมรถจักรยานยนต์ เลขที่ 45/2 ม.4 ต.ช้างไห้ตก นำกำลังไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย ว่าที่ รต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ไปถึงพบว่าร้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว พบผู้เสียชีวิตนอนตายจมกองเลือดอยู่ภายในร้าน ทราบชื่อ นายสมภพ แก้วสุนีย์ อายุ 42 ปี เป็นเจ้าของร้าน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบขนาดเข้าลำตัวนอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 คนถูกนำส่งโรงพยาบาลโคกโพธิ์ ชื่อนายสวัสดิ์ สาลำเหม อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112 ม.4 ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา ถูกยิงเข้าลำตัวอาการสาหัส แพทย์ส่งต่อโรงพยาบาลปัตตานี แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ ทะเบียน กพฉ 579 ปัตตานี ซึ่งเป็นของคนร้ายนำมาจอดไว้หน้าร้าน เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดมาตรวจสอบแล้วได้ใช้ปืนแรงดันน้ำยิง 2 ครั้งเพื่อเปิดเบาะรถ ปรากฏว่ารถจักรยานยนต์ได้เกิดเพลิงไฟ เจ้าหน้าที่จึงได้ฉีดน้ำเพื่อดับไฟ ปรากฏว่าได้เกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น ทำให้เจ้าหน้าที่รวมไปถึงประชาชนต่างกระโดดหลบสะเก็ดระเบิด แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ตรวจสอบพบว่าคนร้ายได้ประกอบระเบิดใส่ในกล่องเหล็กน้ำหนัก 3 กิโลกรัม ซุกใต้เบาะรถ จุดชนวนแบบ 3 ระบบ คือ 1.ชนิดกระตุก 2.โทรศัพท์มือถือ และ 3.วิทยุสื่อสาร สอบสวนก่อนเกิดเหตุทราบว่า ขณะที่ผู้ตายกำลังนั่งซ้อมรถจักรยานยนต์ของ นายสวัสดิ์ ซึ่งเป็นลูกค้า
ปรากฏว่ามีคนร้าย 4 คนขับรถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คัน โดย 1 ในคนร้ายที่ขับรถจักรยานยนต์มาคนเดียวได้มาจอดในร้านทำทีว่าจะซ่อมรถ เมื่อผู้ตายเผลอ คนร้ายจึงชักอาวุธปืนกระหน่ำยิงผู้ตายจนเสียชีวิต และได้ยิง นายสวัสดิ์ ด้วย ก่อนจะวิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ของเพื่อนหลบหนีไป โดยทิ้งรถจักรยานยนต์อีกคันที่ซุกระเบิดไว้เพื่อหมายต้องการสังหารเจ้าหน้าที่ขณะที่ตรวจที่เกิดเหตุแต่โชคดีเจ้าหน้าที่ระวังตัวก่อนจึงปลอดภัย
ส่วนรถจักรยานยนต์ที่เกิดระเบิดขึ้นนั้นเชื่อว่าน่าจะเป็นเพราะวงจรที่คนร้ายประกอบแบบ 3 ระบบ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่เชื่อเป็นฝีมือแนวร่วมในพื้นที่ต้องการสร้างสถานการณ์