ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ญาตินำ 3 พี่น้องเข้าร้องเรียนสื่อมวลชน หลังถูกรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลควนโดน ชนได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องค่าชดเชย
วันนี้ (8 ก.พ.) นางสมภัก ทองคำ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 ม.6 ต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล พร้อมญาติๆ นำหลานสาว 3 คน ประกอบด้วย นางสาววิไลพร ทองคำ อายุ 20 ปี ซึ่งขาหักทั้งสองข้าง ต้องนั่งรถเข็นมา 2 เดือน นางสาว ชมพูนุช ทองคำ อายุ 16 ปี และ ด.ญ.ปาลิตา มูณีแสง อายุ 14 ปี ซึ่งทั้ง 3 คนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนใน จ.สงขลา หลังจากที่ทั้ง 3 คน ถูกรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลควนโดน จ.สตูล ชนได้รับบาดเจ็บขณะที่กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมา เหตุเกิดบนถนนยนตร์การกำธร ต.พิมาน อ.เมือง จ.สตูล เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ปีที่ผ่านมา แต่อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องของค่าชดเชย
นางสมภัก กล่าวว่า แม้ทั้ง 3 คน จะได้รับค่าชดเชยในเบื้องต้นไปแล้วบางส่วน ทั้งเงินสดและทรัพย์สินที่เสียหาย แต่ยังน้อยกว่าความเป็นจริง โดยเฉพาะ นางสาววิไลพร ซึ่งอาการสาหัสขาหักทั้งสองข้าง และยังเดินไม่ได้ต้องนั่งในรถเข็นมากว่า 2 เดือน และพ่อแม่แยกทางกันปัจจุบันอาศัยอยู่กับตน และยังเป็นเด็กที่กตัญญู ขณะนี้ได้หารายได้พิเศษเป็นพนักงานของร้านสะดวกซื้อ และร้านทำผมได้ค่าจ้างเดือนละ 5,000 บาท ซึ่งเงินที่ได้ส่วนหนึ่งนำไปใช้หนี้ให้พ่อ รวมทั้งส่งเสียตัวเองเรียน กศน.และขณะนี้อยู่ในภาวะซึมเศร้า เพราะเกรงว่าจะเดินไม่ได้ ขณะที่หลานสาวอีกสองคน คือ นางสาวชมพูนุช และด.ญ.ปาลิตา นักเรียนชั้น ม.2 และม.4 โรงเรียนสตูลวิทยา จำเป็นต้องไปโรงเรียน แม้ร่างกายจะหายไม่เป็นปกติและฐานะทางบ้านยากจน
ทั้งนี้ ตนเคยเข้าเจรจากับคู่กรณี แต่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ จึงเข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอความเป็นธรรมและช่วยเหลือหลานสาวทั้ง 3 คน
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องความช่วยเหลือทั้ง 3 พี่น้องไปยัง สภ.เมืองสตูล ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุทราบว่า ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ได้มีการทำบันทึกข้อตกลงการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนและค่าช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมครั้งที่สอง ระหว่างนายสวาด คนขับรถพยาบาล นายสุพล เจริญวิกกัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลควนโดน กับนางสิทธินี ศรีสงคราม อายุ 39 ปี ตัวแทนของทั้ง 3 พี่น้อง
ซึ่งผลการเจรจาตามบันทึกข้อตกลงระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย ผลปรากฏว่า ฝ่าย นายสวาด ได้ต่อรองข้อเรียกร้องของคู่กรณี เนื่องจากได้ให้การช่วยเหลือทั้ง 3 พี่น้องไปแล้ว โดย นางสาววิไลพร ได้ช่วยเหลือขณะรักษาตัวที่โรงพยาบาล 13,000 บาท และได้ซื้อรถจักรยานยนต์คันใหม่มอบให้เป็นเงิน 50,037 บาท และจะได้มอบเงินสดให้อีก 62,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 125,037 บาท ช่วยเหลือ นางสาวชมพูนุช ขณะรักษาตัวที่โรงพยาบาล 5,000 บาท และช่วยเหลือ ด.ญ.ปาลิตา ขณะรักษาตัวที่โรงพยาบาล 13,000 บาท และได้มอบเงินสดให้อีก 37,000 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 50,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ฝ่าย นางสิทธินี ไม่ยินยอมตามข้อต่อรองและยืนยันตามคำเรียกร้องเดิมแลคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายประสงค์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
