นครศรีธรรมราช - เจ้าหน้าที่สนธิกำลังกว่า 500 นายเข้าจู่โจมค้นเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช หลังมีคดียาเสพติด-โทรศัพท์เกลื่อนฉาวต่อเนื่อง ด้าน ผอ.ส่วนควบคุมรับหน้าตำรวจแถลงนักข่าวไม่อนุญาตให้เข้าบันทึกภาพอ้างไม่เหมาะสม
วันนี้ (20 ม.ค.) เมื่อเวลา 16.00น. พล.ต.ต.กระจ่างสุวรรณรัตน์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ได้ประสานทำการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสภ.ต่างๆ กก.สส.ภ.นครศรีธรรมราช กก.ตชด.42 สารวัตรทหารจาก มทบ.41 เจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจากหลายท้องที่ รวมกว่า 500 นาย
โดยมี พ.ต.อ.สุทัศน์ ชาญสวัสดิ์ รอง ผบก.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.ปวร พรพรหมมา ผกก.สส.นครศรีธรรมราช เป็นผู้ควบคุมกำลังทั้งหมดเข้าทำการประชุมหัวหน้าชุดปฏิบัติการ ที่ บก.ภ.นครศรีธรรมราช จากนั้นได้ตั้งขบวนเดินทางมุ่งหน้าไปยังเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช (เรือนจำความมั่นคงสูง) เพื่อเข้าทำการจู่โจม ตรวจค้นเรือนจำหลังจากที่มีคดียาเสพติดจากนักโทษภายในเรือนจำ คดีภายนอกเรือนจำที่มีนักโทษในเรือนจำเกี่ยวข้อง
รวมทั้งคดีวัตถุสิ่งของต้องห้ามโดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือที่มีการจับกุมได้หลายครั้ง โดยเฉพาะครั้งหลังสุดที่มีเจ้าหน้าที่เรือนจำเข้าไปเกี่ยวข้องพัวพันจนมีการสั่งย้ายด่วนและตั้งกรรมการสอบสวน และในคดีล่าสุดในการจับกุมผู้ต้องหายาเสพติด พร้อมของกลางยาไอซ์ และโทรศัพท์มือถือ โดยผู้ต้องหาสารภาพว่าส่งเข้าไปขายนักโทษในเรือนจำนครศรีธรรมราช จนเป็นข่าวครึกโครมต่อเนื่อง
เมื่อไปถึงเรือนจำกำลังพลสนธิจากหลายหน่วยได้ตั้งแถวโดยมีนายวรเชฏร์ ไกรนรา นักทัณฑ์วิทยาชำนาญการ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช รอรับกำลังพร้อมทั้งเปิดประตูให้เจ้าหน้าท่าเข้าทำการตรวจค้นทุกแดนในเรือนจำ โดยสั่งห้ามผู้สื่อข่าวทุกคนที่ติดตามเจ้าหน้าที่เข้าไปทำข่าวเข้าไปภายในเรือนจำ โดยอ้างว่าเป็นการไม่เหมาะสมในการเข้าไปบันทึกภาพ โดยจะนำข้อมูลผลการตรวจค้นมาแจ้งให้ทราบในภายหลัง ท่ามกลางความงุนงงของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากการตรวจค้นในเรือนจำอื่นๆนั้นจะมีการแสดงความบริสุทธิ์ใจของเรือนจำเปิดโอกาสให้เข้าบันทึกภาพเหตุการณ์ในการตรวจค้นได้เช่นเรือนจำคลองไผ่ และหลายแห่งที่เป็นข่าว
โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการจู่โจมตรวจค้นในช่วงที่นักโทษเข้าไปรับประทานอาหารเย็นในโรงอาหาร เนื่องจากเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการตรวจค้นเพื่อไม่ให้มีการเตรียมซุกซ่อนสิ่งของต้องห้าม แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายวิตกว่า ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่นักโทษที่เป็นเป้าหมายสำคัญจะรู้ตัวล่วงหน้าก่อนเข้าทำการตรวจค้น
อย่างไรก็ตาม ในเวลา 18.00 น.การตรวจค้นภายในเรือนจำยังไม่แล้วเสร็จแต่ได้มีเจ้าหน้าที่ชุดที่เข้าตรวจค้นในบางแดนคุมขังได้ทยอยออกมานอกเรือนจำ ซึ่งหลายแดนสามารถตรวจค้นพบยาไอซ์จำนวนหนึ่ง อุปกรณ์เสพยาไอซ์ อุปกรณ์เสพยาบ้า โทรศัพท์มือถือ ซึ่งหลังจากการตรวจค้นจะมีการแถลงข่าวอีกครั้ง