ตรัง - ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาตรัง พบลูกค้าเกษตรกรอีกเป็นจำนวนมาก ที่ยังไม่ได้มาแจ้งยื่นขอพักชำระหนี้จากภัยน้ำท่วมใหญ่ 2 รอบปี 2553 คาดจะต้องใช้งบไม่ต่ำกว่า 120 ล้านบาทในการช่วยเหลือและฟื้นฟู
วันนี้ (11 ม.ค.) นายชาญศิลป์ ศรีมณี ผู้อำนวยการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาตรัง กล่าวว่า จากสภาวะน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ จ.ตรัง ถึง 2 รอบ เมื่อช่วงต้นเดือนพ.ย. 2553 และช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2553 ที่ผ่านมา ได้สร้างผลกระทบให้กับเกษตรกรที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส. เป็นจำนวนถึง 5,570 ครัวเรือน โดยในช่วงแรกได้เข้าไปมอบถุงยังชีพ และช่วยเหลือในด้านต่างๆ ระดับหนึ่งแล้ว หลังจากนั้น สำหรับลูกค้า ธ.ก.ส.สาขาตรัง ที่เป็นหนี้ก็ได้ออกมาตรการแก้ไขปัญหา ด้วยการให้พักชำระหนี้เป็นระยะเวลา 3 ปี
ส่วนดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นรัฐบาลจะเป็นผู้จ่ายชดเชยให้กับทาง ธ.ก.ส.เอง เนื่องจากสภาวะที่เกิดขึ้นนั้นได้ทำให้การเกษตรเกิดความเสียหาย และเกษตรกรเองก็ไม่มีรายได้เหมือนเช่นปกติ ดังนั้น ทาง ธ.ก.ส.ก็จะช่วยเหลือเงินทุนให้แก่ลูกค้าอีกก้อนหนึ่ง เพื่อนำไปฟื้นฟูอาชีพทางการเกษตร ในวงเงินรายละไม่เกิน 200,000 บาท แต่ต้องชำระหนี้คืนภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ส่วนดอกเบี้ยที่เกิดจากการกู้ยืมเงินของลูกค้า รัฐบาลจะเป็นผู้จ่ายชดเชยให้กับทาง ธ.ก.ส.เอง
พร้อมกันนั้นลูกค้ารายใดที่บ้านเรือนหรืออุปกรณ์ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ทาง ธ.ก.ส.ตรัง ก็จะช่วยเหลือเงินทุนไปให้อีกจำนวนหนึ่ง โดยคิดดอกเบี้ยในอัตราที่ถูกมาก คือ ช่วง 3 เดือนแรก จะคิดอัตราดอกเบี้ย 0 % หลังจากนั้น ช่วงเดือนที่ 4 ถึงช่วง 3 ปี จะคิดอัตราดอกเบี้ยแค่ 4.75 % จากเดิม 6.75 % ช่วงปีที่ 4-5 จะคิดอัตราดอกเบี้ย 5.75 % และช่วงปีที่ 6 จะคิดอัตราดอกเบี้ยตามปกติ คือ 6.75 % นอกจากนั้น ทางธนาคารยังจะช่วยเหลือเงินทุนอีกก้อนหนึ่ง ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ เช่น เทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เพื่อนำไปซ่อมแซมปัจจัยพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม เช่น อาคาร ถนน ประปา เพื่อฟื้นฟูสภาพต่างๆ ให้กลับคืนมาสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด โดยทางธนาคารได้คิดอัตราดอกเบี้ยในอัตราถูกเป็นพิเศษ คือ ปีละ 2.5 %
สำหรับมาตรการดังกล่าว ขณะนี้ทาง ธ.ก.ส.สาขาตรัง สามารถดำเนินการไปได้แล้วในบางส่วน แต่ยังมีลูกค้าอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้มาแจ้งข้อมูล แม้จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบตามพื้นที่ต่างๆ แล้ว อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาก็มีน้ำท่วมใหญ่เกิดขึ้นถึง 2 รอบ ดังนั้น จึงขอให้ลูกค้าที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม รีบมาแจ้งพักชำระหนี้ต่อทาง ธ.ก.ส. ภายในวันที่ 31 ม.ค.2554 รวมทั้งลูกค้าที่อาจจะประสบภัยน้ำท่วมเพิ่มเติมอีก ในช่วงก่อนที่จะถึงสิ้นเดือนมกราคมนี้ ก็ยังสามารถแจ้งเรื่องได้เพิ่มเติม ซึ่งทาง ธ.ก.ส.พร้อมที่จะขยายระยะเวลาในการรับพักชำระหนี้ หรือหาทางช่วยเหลือในด้านต่างๆ เพิ่มเติมต่อไป
โดยคาดว่าทาง ธ.ก.ส.สาขาตรัง จะต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้น 120 ล้านบาท แต่หากไม่เพียงพอก็ยังสามารถจัดสรรงบประมาณมาเพิ่มเติมได้อีก และหวังว่าจะช่วยเหลือเกษตรกรได้ในระดับที่น่าพอใจ เหมือนกับเมื่อคราวที่เกิดสภาวะภัยธรรมชาติหลายครั้งที่ผ่านมา โดยที่มาตรการในการดำเนินการดังกล่าวนี้ จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบใดๆ ต่อระบบการเงินของทาง ธ.ก.ส. เพราะยังคงมีรายได้เข้ามาตามปกติเช่นเดิม โดยเฉพาะดอกเบี้ยต่างๆ ที่ทาง ธ.ก.ส.จะต้องได้รับจากลูกค้านั้นรัฐบาลก็จะเป็นผู้รับผิดชอบจ่ายมาให้แทน
วันนี้ (11 ม.ค.) นายชาญศิลป์ ศรีมณี ผู้อำนวยการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาตรัง กล่าวว่า จากสภาวะน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ จ.ตรัง ถึง 2 รอบ เมื่อช่วงต้นเดือนพ.ย. 2553 และช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2553 ที่ผ่านมา ได้สร้างผลกระทบให้กับเกษตรกรที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส. เป็นจำนวนถึง 5,570 ครัวเรือน โดยในช่วงแรกได้เข้าไปมอบถุงยังชีพ และช่วยเหลือในด้านต่างๆ ระดับหนึ่งแล้ว หลังจากนั้น สำหรับลูกค้า ธ.ก.ส.สาขาตรัง ที่เป็นหนี้ก็ได้ออกมาตรการแก้ไขปัญหา ด้วยการให้พักชำระหนี้เป็นระยะเวลา 3 ปี
ส่วนดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นรัฐบาลจะเป็นผู้จ่ายชดเชยให้กับทาง ธ.ก.ส.เอง เนื่องจากสภาวะที่เกิดขึ้นนั้นได้ทำให้การเกษตรเกิดความเสียหาย และเกษตรกรเองก็ไม่มีรายได้เหมือนเช่นปกติ ดังนั้น ทาง ธ.ก.ส.ก็จะช่วยเหลือเงินทุนให้แก่ลูกค้าอีกก้อนหนึ่ง เพื่อนำไปฟื้นฟูอาชีพทางการเกษตร ในวงเงินรายละไม่เกิน 200,000 บาท แต่ต้องชำระหนี้คืนภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ส่วนดอกเบี้ยที่เกิดจากการกู้ยืมเงินของลูกค้า รัฐบาลจะเป็นผู้จ่ายชดเชยให้กับทาง ธ.ก.ส.เอง
พร้อมกันนั้นลูกค้ารายใดที่บ้านเรือนหรืออุปกรณ์ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ทาง ธ.ก.ส.ตรัง ก็จะช่วยเหลือเงินทุนไปให้อีกจำนวนหนึ่ง โดยคิดดอกเบี้ยในอัตราที่ถูกมาก คือ ช่วง 3 เดือนแรก จะคิดอัตราดอกเบี้ย 0 % หลังจากนั้น ช่วงเดือนที่ 4 ถึงช่วง 3 ปี จะคิดอัตราดอกเบี้ยแค่ 4.75 % จากเดิม 6.75 % ช่วงปีที่ 4-5 จะคิดอัตราดอกเบี้ย 5.75 % และช่วงปีที่ 6 จะคิดอัตราดอกเบี้ยตามปกติ คือ 6.75 % นอกจากนั้น ทางธนาคารยังจะช่วยเหลือเงินทุนอีกก้อนหนึ่ง ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ เช่น เทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เพื่อนำไปซ่อมแซมปัจจัยพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม เช่น อาคาร ถนน ประปา เพื่อฟื้นฟูสภาพต่างๆ ให้กลับคืนมาสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด โดยทางธนาคารได้คิดอัตราดอกเบี้ยในอัตราถูกเป็นพิเศษ คือ ปีละ 2.5 %
สำหรับมาตรการดังกล่าว ขณะนี้ทาง ธ.ก.ส.สาขาตรัง สามารถดำเนินการไปได้แล้วในบางส่วน แต่ยังมีลูกค้าอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้มาแจ้งข้อมูล แม้จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบตามพื้นที่ต่างๆ แล้ว อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาก็มีน้ำท่วมใหญ่เกิดขึ้นถึง 2 รอบ ดังนั้น จึงขอให้ลูกค้าที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม รีบมาแจ้งพักชำระหนี้ต่อทาง ธ.ก.ส. ภายในวันที่ 31 ม.ค.2554 รวมทั้งลูกค้าที่อาจจะประสบภัยน้ำท่วมเพิ่มเติมอีก ในช่วงก่อนที่จะถึงสิ้นเดือนมกราคมนี้ ก็ยังสามารถแจ้งเรื่องได้เพิ่มเติม ซึ่งทาง ธ.ก.ส.พร้อมที่จะขยายระยะเวลาในการรับพักชำระหนี้ หรือหาทางช่วยเหลือในด้านต่างๆ เพิ่มเติมต่อไป
โดยคาดว่าทาง ธ.ก.ส.สาขาตรัง จะต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้น 120 ล้านบาท แต่หากไม่เพียงพอก็ยังสามารถจัดสรรงบประมาณมาเพิ่มเติมได้อีก และหวังว่าจะช่วยเหลือเกษตรกรได้ในระดับที่น่าพอใจ เหมือนกับเมื่อคราวที่เกิดสภาวะภัยธรรมชาติหลายครั้งที่ผ่านมา โดยที่มาตรการในการดำเนินการดังกล่าวนี้ จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบใดๆ ต่อระบบการเงินของทาง ธ.ก.ส. เพราะยังคงมีรายได้เข้ามาตามปกติเช่นเดิม โดยเฉพาะดอกเบี้ยต่างๆ ที่ทาง ธ.ก.ส.จะต้องได้รับจากลูกค้านั้นรัฐบาลก็จะเป็นผู้รับผิดชอบจ่ายมาให้แทน
