นราธิวาส - ผช.ผอ.บริษัทเมืองไทยประกันชีวิตสาขาสุไหงโก-ลก ยืนยันการยกเลิกหรือยังคงใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่มีผลต่อการพิจารณาให้ความคุ้มครองวินาศภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากทุกบริษัทจะยึดการสรุปคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลักว่าเกิดจากสถานการณ์ความไม่สงบหรือไม่
วันนี้ (7 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวจังหวัดนราธิวาสรายงานว่า หลังรัฐบาลเตรียมขยายพื้นที่การยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความสับสนเกี่ยวกับสิทธิด้านการประกันภัยในพื้นที่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับความคุ้มครองและทุนประกัน
สำหรับพื้นที่ที่ยกเลิกหรือคงไว้ซึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ ในเรื่องดังกล่าวนายบุญธรรม จันทร์ทอง ผช.ผอ.บริษัทเมืองไทยประกันชีวิตสาขาสุไหงโก-ลก ยืนยันการยกเลิกหรือยังคงใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่มีผลต่อการพิจารณาให้ความคุ้มครองวินาศภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากทุกบริษัทจะยึดการสรุปคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลักว่าเกิดจากสถานการณ์ความไม่สงบหรือไม่
โดยในกรณีของการประกันวินาศภัยในพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นการประกันภัยรถยนต์ บ้านและสถานประกอบการซึ่งหากต้องการให้ครอบคลุมการคุ้มครองจากสถานการณ์ความไม่สงบก็จะมีการบวกเงินค่าประกันความคุ้มครองเพิ่ม
ดังนั้น สำหรับพื้นที่ที่ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปแล้ว บริษัทประกันภัยทุกแห่งก็ยังคงยึดแนวทางปฏิบัติในลักษณะเดียวกันในทุกพื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ต้องการทำประกันวินาศภัยจึงต้องมีการสอบถามข้อมูลจากบริษัทประกันอย่างละเอียด เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองตามความต้องการมากที่สุด
ส่วนการทำประกันชีวิตไม่ว่าจะบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุหรือสถานการณ์ความไม่สงบ บริษัทประกันชีวิตจะให้ความคุ้มครองตามทุนประกันในกรมธรรม์ และไม่ได้มีการบวกเงินประกันความคุ้มครองเพิ่มแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม จากสถิติการทำประกันในพื้นที่ โดยเฉพาะการทำประกันชีวิต พบว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีการทำประกันชีวิตอยู่อันดับท้ายสุดของประเทศ โดย จ.นราธิวาสมีการทำประกันชีวิตน้อยที่สุดเมื่อเทียบกันใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย ผช.ผอ.บริษัทเมืองไทยประกันชีวิตสาขาสุไหงโก-ลก ระบุปัจจัยน่าจะมาจากพี่น้องชาวไทยมุสลิมเข้าใจว่าการทำประกันชีวิตมีการจ่ายดอกเบี้ยให้ซึ่งผิดหลักศาสนา ทำให้ในปัจจุบันบริษัทประกันชีวิตจึงเพิ่มการประกันชีวิตตามหลักศาสนาอิสลาม หรือตะกาฟุลเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเสี่ยงกับสถานการณ์ความไม่สงบได้รับความคุ้มครองชีวิตได้เช่นเดียวกับผู้ทำประกันชีวิตประเภทอื่นๆ
วันนี้ (7 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวจังหวัดนราธิวาสรายงานว่า หลังรัฐบาลเตรียมขยายพื้นที่การยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความสับสนเกี่ยวกับสิทธิด้านการประกันภัยในพื้นที่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับความคุ้มครองและทุนประกัน
สำหรับพื้นที่ที่ยกเลิกหรือคงไว้ซึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ ในเรื่องดังกล่าวนายบุญธรรม จันทร์ทอง ผช.ผอ.บริษัทเมืองไทยประกันชีวิตสาขาสุไหงโก-ลก ยืนยันการยกเลิกหรือยังคงใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่มีผลต่อการพิจารณาให้ความคุ้มครองวินาศภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากทุกบริษัทจะยึดการสรุปคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลักว่าเกิดจากสถานการณ์ความไม่สงบหรือไม่
โดยในกรณีของการประกันวินาศภัยในพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นการประกันภัยรถยนต์ บ้านและสถานประกอบการซึ่งหากต้องการให้ครอบคลุมการคุ้มครองจากสถานการณ์ความไม่สงบก็จะมีการบวกเงินค่าประกันความคุ้มครองเพิ่ม
ดังนั้น สำหรับพื้นที่ที่ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปแล้ว บริษัทประกันภัยทุกแห่งก็ยังคงยึดแนวทางปฏิบัติในลักษณะเดียวกันในทุกพื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ต้องการทำประกันวินาศภัยจึงต้องมีการสอบถามข้อมูลจากบริษัทประกันอย่างละเอียด เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองตามความต้องการมากที่สุด
ส่วนการทำประกันชีวิตไม่ว่าจะบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุหรือสถานการณ์ความไม่สงบ บริษัทประกันชีวิตจะให้ความคุ้มครองตามทุนประกันในกรมธรรม์ และไม่ได้มีการบวกเงินประกันความคุ้มครองเพิ่มแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม จากสถิติการทำประกันในพื้นที่ โดยเฉพาะการทำประกันชีวิต พบว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีการทำประกันชีวิตอยู่อันดับท้ายสุดของประเทศ โดย จ.นราธิวาสมีการทำประกันชีวิตน้อยที่สุดเมื่อเทียบกันใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย ผช.ผอ.บริษัทเมืองไทยประกันชีวิตสาขาสุไหงโก-ลก ระบุปัจจัยน่าจะมาจากพี่น้องชาวไทยมุสลิมเข้าใจว่าการทำประกันชีวิตมีการจ่ายดอกเบี้ยให้ซึ่งผิดหลักศาสนา ทำให้ในปัจจุบันบริษัทประกันชีวิตจึงเพิ่มการประกันชีวิตตามหลักศาสนาอิสลาม หรือตะกาฟุลเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเสี่ยงกับสถานการณ์ความไม่สงบได้รับความคุ้มครองชีวิตได้เช่นเดียวกับผู้ทำประกันชีวิตประเภทอื่นๆ
