ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เผยเด็กวัยรุ่นในภูเก็ตมีแนวโน้มใช้ยาคุมฉุกเฉินเพิ่มสูงขึ้นขณะที่ผู้มาซื้อยาพบอายุน้อยที่สุดเพียง 13 ปี ขณะที่การตั้งครรภ์-ทำแท้งพบมีแนวโน้มสูงเช่นกัน
นายชูแรง เวชประสิทธิ์ ประธานชมรมเภสัชกรจังหวัดภูเก็ต กล่าวในการจัดงานวิชาการและการเสวนา เรื่อง บทบาทร้านขายยากับการคุมกำเนิดในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งชมรมเภสัชกรจังหวัดภูเก็ต ชมรมร้านขายยาจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับบริษัท ดีเคที เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด และมาซาแล็บจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ร้านขายยาในจังหวัดภูเก็ตขยายบทบาท ในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภค ซึ่งจะทำให้รับรู้ถึงวิธีการรับประทานยาคุมกำเนิดที่ถูกต้อง ลดปัญหาการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ รวมถึงปัญหาการทำแท้งเถื่อน และอันตรายจากการใช้ยาคุมกำเนิดที่ไม่ถูกต้องที่โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ ว่าจังหวัดภูเก็ตมีประชากรตามทะเบียนราษฎรจำนวนประมาณ 327,000 คน แบ่งเป็นชายประมาณ 155,555 คน และหญิงประมาณ 171,450 คน มียอดการขายยาคุมกำเนิดทั้งจังหวัดประมาณเดือนละ 1 ล้านบาท และจากการรวบรวมข้อมูลพบว่า ปัจจุบันแนวโน้มการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินมีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น อายุระหว่าง 17-18 ปี และพบว่าอายุของกลุ่มวัยรุ่นที่ใช้ยาคุมแบบฉุกเฉิดลดน้อยลงเรื่อง ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลในปัจจุบันพบเด็กวัยรุ่นอายุ แค่ 13 ปี เข้ามาซื้อยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินใช้แล้ว
นอกจากนี้ยังพบว่า ปีที่ผ่านมามีวัยรุ่นหญิงในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเนื่องจากการทำแท้งเถื่อนจำนวนมาก รวมถึงกลุ่มวัยรุ่นอีกส่วนหนึ่งที่ทำแท้ง โดยพ่อแม่ผู้ปกครองไม่ได้รับรู้หรือยินยอมมีทิศทางเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ถือเป็นปัญหาสังคมที่จะต้องได้รับการเยียวยาจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นการเร่งด่วน
นายชูแรงกล่าวต่อไปว่า สำหรับการป้องกันและแก้ไขปัญหาวัยรุ่นตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะโรงเรียนและครอบครัว จะต้องร่วมกันรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้กับกลุ่มวัยรุ่นว่าไม่ควรทีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร พร้อมทั้งให้คำแนะนำหากมีเพศสัมพันธ์ก็จะต้องมีวิธีการป้องกัน
นายชูแรงยังกล่าวด้วยว่า สำหรับชมรมเภสัชกรและชมรมร้านขายยาภูเก็ต ได้มีการให้ความรู้แก่เภสัชกรหรือผู้ประกอบการร้านขายยาเป็นประจำทุกเดือน ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเป็นสื่อกลางในการให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคทุกกลุ่มในการเลือกใช้ยา รวมทั้งยาคุมกำเนิดที่เหมาะสม เพื่อลดปัญหาทางสุขภาพและปัญหาสังคมต่อไป
ขณะที่ นาวาเอกแพทย์หญิงสุนี ไมตรีสถิต สูตินรีแพทย์ด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันร้านขายยาเข้ามามีบทบาทในการคุมกำเนิดมากขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการหรือเภสัชกรประจำร้าน จะต้องเป็นผู้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะวัยรุ่น ซึ่งมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ยาคุมกำเนิดค่อนข้างน้อย
ในขณะที่พฤติกรรมความเสี่ยงของวัยรุ่นในการมีเพศสัมพันธ์ หรือภัยทางเพศเป็นปัญหาที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะพฤติกรรมการล่าแต้ม ส่งผลให้เด็กวัยรุ่นหันมาใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินแทนการใช้ยาคุมกำเนิดตามปกติ ทั้งๆ ที่ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดฉุกเฉินน้อยกว่า และเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูก
ดังนั้น เภสัชกรประจำร้านขายยาจึงมีบทบาทสำคัญ ในการให้คำแนะนำที่เหมาะสมและให้ข้อมูลที่ถูกต้องในการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด เพื่อให้ความรู้ก่อนการตัดสินใจใช้ยาแก่ผู้รับบริการทุกครั้ง โดยเฉพาะยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน ซึ่งจะต้องใช้เมื่อมีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น
นายชูแรง เวชประสิทธิ์ ประธานชมรมเภสัชกรจังหวัดภูเก็ต กล่าวในการจัดงานวิชาการและการเสวนา เรื่อง บทบาทร้านขายยากับการคุมกำเนิดในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งชมรมเภสัชกรจังหวัดภูเก็ต ชมรมร้านขายยาจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับบริษัท ดีเคที เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด และมาซาแล็บจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ร้านขายยาในจังหวัดภูเก็ตขยายบทบาท ในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภค ซึ่งจะทำให้รับรู้ถึงวิธีการรับประทานยาคุมกำเนิดที่ถูกต้อง ลดปัญหาการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ รวมถึงปัญหาการทำแท้งเถื่อน และอันตรายจากการใช้ยาคุมกำเนิดที่ไม่ถูกต้องที่โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ ว่าจังหวัดภูเก็ตมีประชากรตามทะเบียนราษฎรจำนวนประมาณ 327,000 คน แบ่งเป็นชายประมาณ 155,555 คน และหญิงประมาณ 171,450 คน มียอดการขายยาคุมกำเนิดทั้งจังหวัดประมาณเดือนละ 1 ล้านบาท และจากการรวบรวมข้อมูลพบว่า ปัจจุบันแนวโน้มการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินมีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น อายุระหว่าง 17-18 ปี และพบว่าอายุของกลุ่มวัยรุ่นที่ใช้ยาคุมแบบฉุกเฉิดลดน้อยลงเรื่อง ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลในปัจจุบันพบเด็กวัยรุ่นอายุ แค่ 13 ปี เข้ามาซื้อยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินใช้แล้ว
นอกจากนี้ยังพบว่า ปีที่ผ่านมามีวัยรุ่นหญิงในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเนื่องจากการทำแท้งเถื่อนจำนวนมาก รวมถึงกลุ่มวัยรุ่นอีกส่วนหนึ่งที่ทำแท้ง โดยพ่อแม่ผู้ปกครองไม่ได้รับรู้หรือยินยอมมีทิศทางเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ถือเป็นปัญหาสังคมที่จะต้องได้รับการเยียวยาจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นการเร่งด่วน
นายชูแรงกล่าวต่อไปว่า สำหรับการป้องกันและแก้ไขปัญหาวัยรุ่นตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะโรงเรียนและครอบครัว จะต้องร่วมกันรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้กับกลุ่มวัยรุ่นว่าไม่ควรทีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร พร้อมทั้งให้คำแนะนำหากมีเพศสัมพันธ์ก็จะต้องมีวิธีการป้องกัน
นายชูแรงยังกล่าวด้วยว่า สำหรับชมรมเภสัชกรและชมรมร้านขายยาภูเก็ต ได้มีการให้ความรู้แก่เภสัชกรหรือผู้ประกอบการร้านขายยาเป็นประจำทุกเดือน ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเป็นสื่อกลางในการให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคทุกกลุ่มในการเลือกใช้ยา รวมทั้งยาคุมกำเนิดที่เหมาะสม เพื่อลดปัญหาทางสุขภาพและปัญหาสังคมต่อไป
ขณะที่ นาวาเอกแพทย์หญิงสุนี ไมตรีสถิต สูตินรีแพทย์ด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันร้านขายยาเข้ามามีบทบาทในการคุมกำเนิดมากขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการหรือเภสัชกรประจำร้าน จะต้องเป็นผู้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะวัยรุ่น ซึ่งมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ยาคุมกำเนิดค่อนข้างน้อย
ในขณะที่พฤติกรรมความเสี่ยงของวัยรุ่นในการมีเพศสัมพันธ์ หรือภัยทางเพศเป็นปัญหาที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะพฤติกรรมการล่าแต้ม ส่งผลให้เด็กวัยรุ่นหันมาใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินแทนการใช้ยาคุมกำเนิดตามปกติ ทั้งๆ ที่ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดฉุกเฉินน้อยกว่า และเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูก
ดังนั้น เภสัชกรประจำร้านขายยาจึงมีบทบาทสำคัญ ในการให้คำแนะนำที่เหมาะสมและให้ข้อมูลที่ถูกต้องในการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด เพื่อให้ความรู้ก่อนการตัดสินใจใช้ยาแก่ผู้รับบริการทุกครั้ง โดยเฉพาะยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน ซึ่งจะต้องใช้เมื่อมีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น
