ตรัง - โจรใจชั่วลักลอบเข้าไปเผาวัดพระงาม อำเภอเมืองตรัง เป็นรอบที่ 2 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จนทำให้เกิดความเสียหายไปแล้วรวมกันเกือบ 3 ล้านบาท ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบว่าเกิดมาจากเรื่องใดกันแน่ เพราะที่ผ่านๆ มาทางวัดไม่เคยมีความขัดแย้งกับใคร
วันนี้ (23 ก.พ.) ศูนย์วิทยุสื่อสาร สภ.เมืองตรัง ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นที่ศาลาอนาคตังสญาณ ซึ่งเป็นศาลาที่ใช้สำหรับการประกอบพิธีกรรมทางสงฆ์ของวัดพระงาม ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลนาโยงใต้ จึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลสถานตรัง และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครตรัง รีบเดินทางไปตรวจสอบยังสถานที่เกิดเหตุทันที พร้อมด้วยรถดับเพลิงและรถน้ำอีกจำนวน 5 คัน พบชาวบ้านหลายสิบคนกำลังยืนดูศาลาที่เกิดเหตุ พร้อมสาปแช่งคนที่ลอบวางเพลิงในครั้งนี้ ด้วยความโกรธแค้น
จากการสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า ช่วงเกิดเหตุเป็นเวลาประมาณ 04.15 น. พระเณรภายในวัดพระงามได้ยินเสียงหมาเห่าดังขึ้น จึงรีบวิ่งออกมาดู ปรากฏว่าเกิดไฟลุกโชนขึ้นมาอย่างแรง ดังนั้น พระอธิการรังสรรค์ เจ้าอาวาสที่เห็นเหตุการณ์เป็นคนแรก จึงตะโกนเรียกพระเณรลูกวัดเข้ามาช่วยดับไฟ และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ให้เข้ามาทำการช่วยเหลือ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาในการดับไฟประมาณ 1 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบลง ประเมินค่าเสียหายในครั้งนี้ประมาณ 2.3 ล้านบาท ซึ่งในเบื้องต้นมีทรัพย์สินเสียหายไปหลายรายการ เช่น บาตรพระ จำนวนกว่า 50 ลูก ชุดผ้าไตรจีวร ประมาณ 50 ชุด โต๊ะหมู่บูชา จำนวน 2 ชุด หนังสือสวดมนต์ ประมาณ 100 เล่น พรม จำนวน 15 ผืน และเสื่ออีกจำนวน 20 ผืน ได้โดนไฟไหม้จนเสียหายไปทั้งหมด
จากการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุในเบื้องต้นทราบว่า จุดต้นเพลิงมาจากบริเวณด้านหลังของศาลา ซึ่งเป็นที่เก็บของใช้ทุกอย่าง คาดว่าน่าจะมาจากการลอบวางเพลิง เพราะบริเวณนั้นไม่ได้มีการเดินสายไฟพาดผ่าน รวมทั้งยังมีลักษณะการเกิดเพลิงไหม้อย่างรุนแรง และรวดเร็ว ประกอบกับพบหลักฐานเกี่ยวกับน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงในที่เกิดเหตุด้วย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวน เพื่อติดตามตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พระอธิการรังสรรค์ เจ้าอาวาสวัดพระงาม เล่าให้ฟังว่า วัดแห่งนี้เคยโดนลอบวางเพลิงมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2553 หรือช่วง 5 วันก่อนหน้านี้ ซึ่งในวันนั้นโชคดีที่มีพระลูกวัดมาเห็นเข้าก่อน จึงช่วยกันดับไฟก่อนที่จะลุกลามออกไปมากกว่านั้น โดยในครั้งแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจประเมินค่าเสียหายไว้ที่ประมาณ 1 แสนบาท แต่สำหรับค่าเสียหายในครั้งที่ 2 อยู่ที่ประมาณ 2.3 ล้านบาท ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบว่าเกิดมาจากเรื่องใดกันแน่ เพราะที่ผ่านๆ มาทางวัดไม่เคยมีความขัดแย้งกับใคร
