ตรัง - จังหวัดตรังเดินหน้าปราบปรามอย่างเต็มที่ในพื้นที่ป่า 5 จุดที่มีความเสี่ยงต่อการลักลอบบุกรุกป่า พร้อมนำกำลังทหารจากค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ มาช่วยลาดตระเวนและเฝ้าระวัง
นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า สำหรับนโยบายในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่าไม้ของจังหวัดตรัง โดยเฉพาะการแผ้วถางป่านั้น ทางจังหวัดจะเดินหน้ากดดัน และออกตรวจพื้นที่ให้ถี่ขึ้น โดยขอเฮลิคอปเตอร์จากกองบินที่จังหวัดนครศรีธรรมราชมาเพื่อบินตรวจการณ์ควบคู่กับการเดินเท้า เพื่อจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี อย่างในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเจ้าไหม ซึ่งมีพื้นป่าครอบคลุมใน 2 อำเภอ 6 ตำบล 20 หมู่บ้าน
ล่าสุด ปรากฏว่า สามารถดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาได้ 19 คดี มีการบุกรุก 21 จุด เนื้อที่ 119 ไร่ ซึ่งหลายจุดที่มีการบุกรุกนั้นจะใช้วิธีการเดินเท้าไม่เห็น ต้องใช้เฮลิคอปเตอร์บินวนอยู่ 3 รอบถึงจะเจอ เพราะอยู่ในป่าลึก
สำหรับพื้นที่ป่า 5 จุดที่มีความเสี่ยงต่อการบุกรุก ซึ่งจังหวัดตรังจะเดินหน้าปราบปรามอย่างเต็มที่ ประกอบด้วย จุดที่ 1 อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม และได้คุยกับอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติว่า จะดำเนินการป้องกันปราบปราม และดำเนินคดีอย่างไม่ไว้หน้าใคร ควบคู่กับการป้องกันจะอบรมอาสาสมัครพิทักษ์ป่าเป็นแห่งแรก พร้อมการสร้างจิตสำนึก การบวชป่า และการลาดตระเวนร่วมกันโดยใช้กำลังทหารบางส่วน
จุดที่ 2 อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัด ช่วงรอยต่อระหว่างอำเภอย่านตาขาว และปะเหลียน ของจังหวัดตรัง กับอำเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้มีความเห็นว่า เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นป่าที่สมบูรณ์มาก จึงต้องช่วยกันรักษา แต่ตอนนี้ยังขาดงบประมาณเกี่ยวกับการลาดตระเวน ซึ่งทางจังหวัดได้นำงบประมาณพัฒนามาช่วยแล้วแต่ก็ไม่พอและจะหาทางเพิ่มเติมด้วยการนำทหารจาก ร.15 พัน.4 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ จังหวัดตรัง มาช่วยลาดตระเวนและเฝ้าระวัง ซึ่งจะช่วยได้มาก
จุดที่ 3 อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า พื้นที่อำเภอนาโยง และอำเภอห้วยยอด ที่พบการบุกรุกป่าเช่นกัน โดยได้มอบให้ทรัพยากรแห่งชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดตรัง นำเฮลิคอปเตอร์ไปบินตรวจสอบสภาพป่า ทำให้ล่าสุดสามารถจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้แล้ว 6 ราย
จุดที่ 4 อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม พื้นที่อำเภอวังวิเศษ ซึ่งพบการแผ้วถางบุกรุกป่าหลายจุด และจุดที่ 5 อยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ของกรมป่าไม้ พื้นที่อำเภอสิเกา และย่านตาขาว ซึ่งพบมีการบุกรุกป่าในบางส่วน
อย่างไรก็ตาม มาตรการที่ทางจังหวัดจะเน้นก็คือ เรื่องการปราบปรามและการดำเนินคดีเป็นหลัก โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการ ดำเนินคดีตามกฏหมายได้ชัดเจน พร้อมทั้งต้องนำภาคประชาชนมาเป็นเพื่อน เป็นรั้ว เป็นผู้ช่วยดูแลป่า เพราะผืนป่าเหล่านี้กว้างใหญ่มาก และให้มีการดำเนินการจับกุมอย่างต่อเนื่อง
นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า สำหรับนโยบายในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่าไม้ของจังหวัดตรัง โดยเฉพาะการแผ้วถางป่านั้น ทางจังหวัดจะเดินหน้ากดดัน และออกตรวจพื้นที่ให้ถี่ขึ้น โดยขอเฮลิคอปเตอร์จากกองบินที่จังหวัดนครศรีธรรมราชมาเพื่อบินตรวจการณ์ควบคู่กับการเดินเท้า เพื่อจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี อย่างในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเจ้าไหม ซึ่งมีพื้นป่าครอบคลุมใน 2 อำเภอ 6 ตำบล 20 หมู่บ้าน
ล่าสุด ปรากฏว่า สามารถดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาได้ 19 คดี มีการบุกรุก 21 จุด เนื้อที่ 119 ไร่ ซึ่งหลายจุดที่มีการบุกรุกนั้นจะใช้วิธีการเดินเท้าไม่เห็น ต้องใช้เฮลิคอปเตอร์บินวนอยู่ 3 รอบถึงจะเจอ เพราะอยู่ในป่าลึก
สำหรับพื้นที่ป่า 5 จุดที่มีความเสี่ยงต่อการบุกรุก ซึ่งจังหวัดตรังจะเดินหน้าปราบปรามอย่างเต็มที่ ประกอบด้วย จุดที่ 1 อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม และได้คุยกับอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติว่า จะดำเนินการป้องกันปราบปราม และดำเนินคดีอย่างไม่ไว้หน้าใคร ควบคู่กับการป้องกันจะอบรมอาสาสมัครพิทักษ์ป่าเป็นแห่งแรก พร้อมการสร้างจิตสำนึก การบวชป่า และการลาดตระเวนร่วมกันโดยใช้กำลังทหารบางส่วน
จุดที่ 2 อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัด ช่วงรอยต่อระหว่างอำเภอย่านตาขาว และปะเหลียน ของจังหวัดตรัง กับอำเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้มีความเห็นว่า เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นป่าที่สมบูรณ์มาก จึงต้องช่วยกันรักษา แต่ตอนนี้ยังขาดงบประมาณเกี่ยวกับการลาดตระเวน ซึ่งทางจังหวัดได้นำงบประมาณพัฒนามาช่วยแล้วแต่ก็ไม่พอและจะหาทางเพิ่มเติมด้วยการนำทหารจาก ร.15 พัน.4 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ จังหวัดตรัง มาช่วยลาดตระเวนและเฝ้าระวัง ซึ่งจะช่วยได้มาก
จุดที่ 3 อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า พื้นที่อำเภอนาโยง และอำเภอห้วยยอด ที่พบการบุกรุกป่าเช่นกัน โดยได้มอบให้ทรัพยากรแห่งชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดตรัง นำเฮลิคอปเตอร์ไปบินตรวจสอบสภาพป่า ทำให้ล่าสุดสามารถจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้แล้ว 6 ราย
จุดที่ 4 อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม พื้นที่อำเภอวังวิเศษ ซึ่งพบการแผ้วถางบุกรุกป่าหลายจุด และจุดที่ 5 อยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ของกรมป่าไม้ พื้นที่อำเภอสิเกา และย่านตาขาว ซึ่งพบมีการบุกรุกป่าในบางส่วน
อย่างไรก็ตาม มาตรการที่ทางจังหวัดจะเน้นก็คือ เรื่องการปราบปรามและการดำเนินคดีเป็นหลัก โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการ ดำเนินคดีตามกฏหมายได้ชัดเจน พร้อมทั้งต้องนำภาคประชาชนมาเป็นเพื่อน เป็นรั้ว เป็นผู้ช่วยดูแลป่า เพราะผืนป่าเหล่านี้กว้างใหญ่มาก และให้มีการดำเนินการจับกุมอย่างต่อเนื่อง