ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เผยเจ้าของ สค.1 ในภูเก็ตยังไม่ยื่อขอออกโฉนดอีกกว่า 3,000 แปลง พบอยู่ในพื้นที่ถลางมากที่สุด เจ้าหน้าที่เร่งออกรังวัดคาดต้องใช้เวลาประมาณ 3 ปี จึงแล้วเสร็จ ระบุสาเหตุที่มายื่นน้อยเจ้าของอาจจะทราบว่าที่ดินอยู่ในเขตป่าอยู่แล้ว
นายไพทูรย์ เลิศไกร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยผลการดำเนินการนำเอกสารส.ค.1 มายื่นขอออกโฉนดในส่วนของจังหวัดภูเก็ตว่า ตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 11) พ.ศ.2551 มาตรา 8 กำหนดให้ผู้ซึ่งได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับที่มีหลักฐานการแจ้งการครองครองที่ดิน (ส.ค.1) และยังมิได้ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ให้นำหลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน มายื่นคำขอเพื่อออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่มาตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2551 จนถึงวันที่ 8กุมภาพันธ์ 2553
ปรากฏว่าในส่วนของจังหวัดภูเก็ตจากการสำรวจเมื่อปี 2551 มี ส.ค.1 ที่ยังไม่ได้ขอออกโฉนด จำนวน 4,793 แปลง และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาในการดำเนินการตามประกาศ มีผู้ที่ครอบครองเอกสารส.ค.1 มายื่นคำขอออกโฉนดที่ดินเพียง 1,645 แปลง เท่านั้น คิดเป็น 34% แบ่งเป็นเขตอำเภอเมืองภูเก็ตจำนวน 528 แปลง อำเภอกะทู้ จำนวน 706 แปลง และอำเภอถลาง จำนวน 411 แปลง ทำให้ขณะนี้ ส.ค.1 ที่ผู้ครอบครองยังไม่มายื่นขอออกโฉนดอีกจำนวน 3,148 แปลง ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่อำเภอถลางจำนวน 2,152 แปลง รองลงมาอำเภอกะทู้ จำนวน 517 แปลง และอำเภอเมือง 479 แปลง
นายไพทูรย์กล่าวว่า หลังจากที่ดำเนินการเรื่องเอกสารเสร็จสิ้นทางเจ้าหน้าที่ จะทยอยออกไปทำการรังวัดตามกระบวนการและตามลำดับที่ได้มีการยื่นเอกสารไว้ ซึ่งคาดว่าอาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากจำนวนของผู้ที่มายื่นขอออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นจำนวนมาก รวมถึงในกลุ่มผู้ที่ยื่นเอกสารตามภารกิจปกติด้วย คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการไม่ต่ำกว่า 3 ปี เนื่องจากจะมีพื้นที่บางส่วนเกี่ยวเนื่องกับพื้นที่ป่าไม้หรือเขตปฎิรูปที่ดินทำให้จะต้องใช้ความระมัดระวังและรอบคอบค่อนข้างมาก เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นตามมา
ส่วนสาเหตุที่ผู้ครอบครอง ส.ค.1 ที่ยังไม่มายื่นขอออกโฉนดอีก 3,748 แปลงนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะประมวลหรือหาสาเหตุได้ว่าทำไมจึงนำ ส.ค.1 มายื่นขออกโฉนดน้อย เชื่อว่าที่ผ่านมาประชาชนส่วนใหญ่จะทราบระยะเวลาของการที่จะต้องยื่นเอกสารเพราะได้มีการทำประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ตลอดจนแจ้งไปยังกำนันผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้านเพื่แจ้งให้ลูกบ้านได้รับทราบ
ดังนั้น ส่วนตัวคิดว่าการที่ผู้ถือ ส.ค.1 ไม่นำเอกสารมายื่นเนื่องจากบางรายอาจจะทราบอยู่แล้วว่า ส.ค.1 ที่ตัวเองถือครองอยู่นั้นตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ป่าไม้หรือเขตปฎิรูปที่ดิน โดยกลุ่มที่ไม่ได้มีการยื่นตามระยะเวลาที่กำหนดนั้นจะต้องร้องต่อศาลเพื่อขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์
นายไพทูรย์ เลิศไกร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยผลการดำเนินการนำเอกสารส.ค.1 มายื่นขอออกโฉนดในส่วนของจังหวัดภูเก็ตว่า ตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 11) พ.ศ.2551 มาตรา 8 กำหนดให้ผู้ซึ่งได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับที่มีหลักฐานการแจ้งการครองครองที่ดิน (ส.ค.1) และยังมิได้ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ให้นำหลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน มายื่นคำขอเพื่อออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่มาตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2551 จนถึงวันที่ 8กุมภาพันธ์ 2553
ปรากฏว่าในส่วนของจังหวัดภูเก็ตจากการสำรวจเมื่อปี 2551 มี ส.ค.1 ที่ยังไม่ได้ขอออกโฉนด จำนวน 4,793 แปลง และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาในการดำเนินการตามประกาศ มีผู้ที่ครอบครองเอกสารส.ค.1 มายื่นคำขอออกโฉนดที่ดินเพียง 1,645 แปลง เท่านั้น คิดเป็น 34% แบ่งเป็นเขตอำเภอเมืองภูเก็ตจำนวน 528 แปลง อำเภอกะทู้ จำนวน 706 แปลง และอำเภอถลาง จำนวน 411 แปลง ทำให้ขณะนี้ ส.ค.1 ที่ผู้ครอบครองยังไม่มายื่นขอออกโฉนดอีกจำนวน 3,148 แปลง ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่อำเภอถลางจำนวน 2,152 แปลง รองลงมาอำเภอกะทู้ จำนวน 517 แปลง และอำเภอเมือง 479 แปลง
นายไพทูรย์กล่าวว่า หลังจากที่ดำเนินการเรื่องเอกสารเสร็จสิ้นทางเจ้าหน้าที่ จะทยอยออกไปทำการรังวัดตามกระบวนการและตามลำดับที่ได้มีการยื่นเอกสารไว้ ซึ่งคาดว่าอาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากจำนวนของผู้ที่มายื่นขอออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นจำนวนมาก รวมถึงในกลุ่มผู้ที่ยื่นเอกสารตามภารกิจปกติด้วย คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการไม่ต่ำกว่า 3 ปี เนื่องจากจะมีพื้นที่บางส่วนเกี่ยวเนื่องกับพื้นที่ป่าไม้หรือเขตปฎิรูปที่ดินทำให้จะต้องใช้ความระมัดระวังและรอบคอบค่อนข้างมาก เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นตามมา
ส่วนสาเหตุที่ผู้ครอบครอง ส.ค.1 ที่ยังไม่มายื่นขอออกโฉนดอีก 3,748 แปลงนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะประมวลหรือหาสาเหตุได้ว่าทำไมจึงนำ ส.ค.1 มายื่นขออกโฉนดน้อย เชื่อว่าที่ผ่านมาประชาชนส่วนใหญ่จะทราบระยะเวลาของการที่จะต้องยื่นเอกสารเพราะได้มีการทำประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ตลอดจนแจ้งไปยังกำนันผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้านเพื่แจ้งให้ลูกบ้านได้รับทราบ
ดังนั้น ส่วนตัวคิดว่าการที่ผู้ถือ ส.ค.1 ไม่นำเอกสารมายื่นเนื่องจากบางรายอาจจะทราบอยู่แล้วว่า ส.ค.1 ที่ตัวเองถือครองอยู่นั้นตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ป่าไม้หรือเขตปฎิรูปที่ดิน โดยกลุ่มที่ไม่ได้มีการยื่นตามระยะเวลาที่กำหนดนั้นจะต้องร้องต่อศาลเพื่อขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์