พัทลุง –นายอำเภอตะโหมด ขึ้นทะเบียนประวัติชนเผ่าซาไก เสนอกระทรวงมหาดไทยให้ได้รับฐานะเป็นบุคคลที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยเป็นการถาวร เพื่อช่วยเหลือด้านสาธารณสุขป้องกันและรักษาโรคที่เกิดขึ้นกับชนเผ่า
ที่ศาลาประชาคม อำเภอตะโหมด จ.พัทลุง นายศักดิ์ชัย ไชยเชื้อ นายอำเภอตะโหมดได้นำชนเผ่าชาไก ที่อาศัยอยู่บนเทือกเขาบรรทัด พื้นที่อำเภอตะโหมด จำนวน 32 คนมาถ่ายภาพทำทะเบียนประวัติ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อนในตัวบุคคล เนื่องจากวิถีชีวิตของชนเผาซาไกจะมีการเคลื่อนย้ายถิ่นที่อาศัยอยู่เป็นประจำ ในแถบบริเวณภูเขาบรรทัด อาณาเขตครอบคลุมจังหวัดพัทลุง สตูลและตรัง
นายศักดิ์ชัย ไชยเชื้อ นายอำเภอตะโหมด กล่าวว่า จากข้อมูลการสำรวจตั้งแต่ปี 2520 พบชนเผ่าซาไก อาศัยในพื้นที่อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง บริเวณเทือกเขาบรรทัด ประมาณ 70 คน ปัจจุบันเหลือเพียง 32 คน จาก 2 กลุ่มส่วนที่หายไปอาจจะเกิดจากการเสียชีวิตและการย้ายถิ่นฐาน ซึ่งการนำชนเผาซาไกมาทำทะเบียนประวัติในครั้งนี้ เพื่อให้สะดวกในการตรวจสอบและให้การช่วยเหลือโดยเฉพาะในด้านสาธารณสุข ในการป้องกันและรักษาโรคที่มักจะเกิดขึ้นกับชนเผ่าซาไก เช่น โรคผิวหนัง โรคขาดสารอาหาร
ทั้งยังเป็นการกำหนดเขตที่อยู่ของชนเผ่าซาไกให้มีความชัดเจน และส่งเสริมให้มีสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติที่มีความเหมาะสมกับวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรมให้เป็นไปตามอัตลักษณ์ ของชนเผ่าซาไก ไม่ใช่เป็นการบิดเบือนทางวัฒนธรรม โดยเพียงเพื่ออ้างว่าส่งเสริมการท่องเที่ยว
นายศักดิ์ชัย กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้จะได้นำทะเบียนประวัติเสนอกระทรวงมหาดไทยเพื่อให้ได้รับฐานะเป็นบุคคลที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยเป็นการถาวร ซึ่งจะเป็นผลดีกับชนเผ่าซาไก ที่ภาครัฐจะได้เข้าไปให้การช่วยเหลือได้โดยไม่ขัดกับระเบียบ
ที่ศาลาประชาคม อำเภอตะโหมด จ.พัทลุง นายศักดิ์ชัย ไชยเชื้อ นายอำเภอตะโหมดได้นำชนเผ่าชาไก ที่อาศัยอยู่บนเทือกเขาบรรทัด พื้นที่อำเภอตะโหมด จำนวน 32 คนมาถ่ายภาพทำทะเบียนประวัติ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อนในตัวบุคคล เนื่องจากวิถีชีวิตของชนเผาซาไกจะมีการเคลื่อนย้ายถิ่นที่อาศัยอยู่เป็นประจำ ในแถบบริเวณภูเขาบรรทัด อาณาเขตครอบคลุมจังหวัดพัทลุง สตูลและตรัง
นายศักดิ์ชัย ไชยเชื้อ นายอำเภอตะโหมด กล่าวว่า จากข้อมูลการสำรวจตั้งแต่ปี 2520 พบชนเผ่าซาไก อาศัยในพื้นที่อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง บริเวณเทือกเขาบรรทัด ประมาณ 70 คน ปัจจุบันเหลือเพียง 32 คน จาก 2 กลุ่มส่วนที่หายไปอาจจะเกิดจากการเสียชีวิตและการย้ายถิ่นฐาน ซึ่งการนำชนเผาซาไกมาทำทะเบียนประวัติในครั้งนี้ เพื่อให้สะดวกในการตรวจสอบและให้การช่วยเหลือโดยเฉพาะในด้านสาธารณสุข ในการป้องกันและรักษาโรคที่มักจะเกิดขึ้นกับชนเผ่าซาไก เช่น โรคผิวหนัง โรคขาดสารอาหาร
ทั้งยังเป็นการกำหนดเขตที่อยู่ของชนเผ่าซาไกให้มีความชัดเจน และส่งเสริมให้มีสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติที่มีความเหมาะสมกับวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรมให้เป็นไปตามอัตลักษณ์ ของชนเผ่าซาไก ไม่ใช่เป็นการบิดเบือนทางวัฒนธรรม โดยเพียงเพื่ออ้างว่าส่งเสริมการท่องเที่ยว
นายศักดิ์ชัย กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้จะได้นำทะเบียนประวัติเสนอกระทรวงมหาดไทยเพื่อให้ได้รับฐานะเป็นบุคคลที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยเป็นการถาวร ซึ่งจะเป็นผลดีกับชนเผ่าซาไก ที่ภาครัฐจะได้เข้าไปให้การช่วยเหลือได้โดยไม่ขัดกับระเบียบ
