ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “ภูเก็ตไข่มุก” คว้ารางวัล 1 ใน 3 ผลงานการออกแบบเครื่องประดับระดับชาติ เน้นใช้ผลิตภัณฑ์มุกเป็นหลัก หวังยกระดับให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล พร้อมเดินหน้าพัฒนางานออกแบบ เน้นทั้งคุณภาพและบริการ
นายอมร อินทรเจริญ ประธานกรรมการบริษัท ภูเก็ตไข่มุก จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จการส่งผลิตภัณฑ์เครื่องประดับมุกเข้าประกวดการออกแบบ ว่า จากการที่ทางบริษัทฯ ได้ส่งผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์เครื่องประดับมุกเข้าร่วมประกวดในโครงการประกวดออกแบบเครื่องประดับ ครั้งที่ 3 ภายใต้แนวคิด Thai Explosion –Passion of Thai Design ซึ่งจัดโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ The Gem Jewelry Institute of Thailand :GIT (Public Organization) เมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยมีผลงานการออกแบบที่ส่งเข้าประกวด 2 ประเภท คือ นักเรียน นิสิตนักศึกษา และประเภทประชาชนทั่วไป รวม 282 ชิ้นงาน
ปรากฏว่า ผลงานที่ออกแบบโดยนักออกแบบของบริษัท ฯ คือ นายไพโรจน์ ศรีธันวา ได้รับการคัดเลือกให้ติด 1 ใน 3 ในการประกวดของประเทศ ในประเภทประชาชนทั่วไป ซึ่งผลงานที่ส่งเข้าประกวดในครั้งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานของนักออกแบบที่มาจากบริษัทที่มีชื่อเสียงชั้นนำในอันดับต้นๆ ของประเทศ
นายอมร กล่าวต่อไปว่า สำหรับเครื่องประดับที่ส่งเข้าประกวดการออกแบบในครั้งนี้ ถือเป็นผู้ประกอบการรายเดียวที่ใช้วัตถุดิบ โดยเน้นองค์ประกอบหลักของชิ้นงานเป็นไข่มุก Mabe ซึ่งเป็นผลผลิต จากฟาร์มเลี้ยงมุกของบริษัทฯซึ่งตั้งอยู่ที่ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยในปี 2552 นั้นสามารถผลิตไข่มุกดังกล่าวได้จำนวน 2,000 เม็ด และคัดเลือกมุกมาเพียงเพียง 8 เม็ด ในการนำมาใช้ผลิตเป็นเครื่องประดับที่นักออกแบบของบริษัทส่งเข้าประกวด
ทั้งนี้ นักออกแบบได้แรงบันดาลใจจากใบของบัวที่คนไทยใช้สำหรับห่อของในสมัยโบราณและใช้ในการประกอบพิธีต่างๆ ด้วยการใช้สีทองเพื่อแสดงออกถึงความเป็นไทยให้เห็นอย่างชัดเจน
นายอมร กล่าวอีกว่า สำหรับการส่งผลงานการออกแบบเครื่องประดับเข้าประกวดก็เพื่อพัฒนาเครื่องประดับไข่มุกของจังหวัดภูเก็ตให้เป็นที่รู้จักในระดับสากลต่อไป และถือเป็นการพัฒนาไปอีกหนึ่งก้าวที่จะทำให้คนทั่วไปได้รู้จักผลิตภัณฑ์เครื่องประดับจากไข่มุกของบริษัทฯ และจังหวัดภูเก็ตมากขึ้น เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทางบริษัทฯ ได้มีการพัฒนาตัวเองมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มต้นเพาะและขยายพันธุ์มุกให้ได้ตามความต้องการ จนสามารถมีผลผลิตและจัดทำเป็นเครื่องประดับออกมาจำหน่ายได้อย่างครบวงจร ซึ่งนอกจากมีฟาร์มเพาะเลี้ยง โรงงานผลิตแล้วก็ยังมีโชว์รูมแสดงผลิตภัณฑ์เครื่องประดับมุกโดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเลือกซื้อหาเป็นเจ้าของได้ตามความต้องการ
นายอมร ยังได้กล่าวต่อไปถึงผลประกอบการในปี 2552 ที่ผ่านมา ว่า มีอัตราการเติบโตในลักษณะทรงตัว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงเป็นปีที่บริษัทฯ มีการปรับองค์กรเพื่อให้สามารถรับกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ เพื่อให้สามารถที่จะเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นอาหรับ อินเดีย และโซนเอเชีย ส่วนของยุโรปนั้นมีบ้างแต่ไม่มากนัก ส่วนแนวโน้มในปี 53 หากการเมืองนิ่งก็คงไม่มีปัญหา ธุรกิจต่างๆ ก็สามารถที่เดินหน้าต่อไปได้”
สำหรับแผนงานในปี 2553 นั้น นายอมร กล่าวว่า นอกจากเรื่องของคุณภาพและการบริการที่สร้างความประทับให้กับลูกค้าแล้ว ยังคงเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการจัดการกับวัตถุดิบที่มีอยู่ เพื่อให้ได้รูปแบบตรงกับความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มเป้าหมายทั้งที่เป็นลูกค้าใหม่ และการรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ามีจำนวนลูกค้าที่มาซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ แล้วยังคงกลับเข้ามาหาซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการบริการหลังการขาย รวมถึงการนำเทคนิคพิเศษใหม่ๆ จากการศึกษาโลหะวิทยา มาใช้สำหรับการเชื่อมติดตัวเรือนกับไข่มุกให้มีความแข็งแรงคงทนมากยิ่งขึ้น