พ่อเมืองนราฯเยี่ยมจุดผ่อนปรนแนวชายแดน เผยลดมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว

นราธิวาส – ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ตรวจเยี่ยมแนวชายแดนตามจุดผ่อนปรนริมฝั่งแม่น้ำสุไหงโก-ลก เผยพร้อมลดมาตรการเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว แต่หากประชาชนไม่ช่วยกันดูแลพื้นที่ก็พร้อมจะเพิ่มความเข้มตามเดิม

นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ประจำเดือนของหอการค้าจังหวัดนราธิวาส โดยมีนายกู้เกียรติ บูรพาพงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส และคณะกรรมการหอการค้าจังหวัดนราธิวาส เป็นเจ้าภาพ ทั้งนี้ภายในงานมีนายสมเกียรติ สุวรรณนิมิตร นายอำเภอสุไหงโก-ลก และนางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก ร่วมเป็นเกียรติในงานด้วย

โอกาสนี้ได้มีการหารือถึงทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจเมืองชายแดนที่ปัจจุบันเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยภาคเอกชนในพื้นที่ได้กล่าวถึงประเด็นปัญหาเกี่ยวกับความเข้มงวดในการตรวจสอบการเดินทางเข้า- ออกของชาวมาเลเซียตามมาตรการรักษาความปลอดภัย ซึ่งมีผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวทำให้ลดลงไปมาก โดยผู้ว่ารับปากที่จะรีบหาแนวทางแก้ไขเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว

พร้อมกันนี้หลังพูดคุยแล้วผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้เดินทางตรวจเยี่ยมท่าข้ามริมฝั่งแม่น้ำสุไหงโก-ลก ที่เป็นจุดผ่อนปรนซึ่งประชาชนในพื้นที่รวมถึงนักท่องเที่ยวใช้ในการเดินทางระหว่างประเทศ โดยได้พูดคุยกับเจ้าของท่าข้ามและชุดปฏิบัติการฝ่ายทหารที่รักษาความปลอดภัยอยู่ตามท่าข้ามต่างๆ รวม 8 จุด

โดยฝ่ายเจ้าของท่าข้ามระบุปัจจุบันชาวมาเลเซียที่ต้องการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจะต้องกรอกรายละเอียดส่วนบุคคล พร้อมพิมพ์ลายนิ้วมื้อ และถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานที่พกพาไว้แทนบัตรประจำตัวประชาชนที่เก็บไว้ที่ท่าข้าม ตลอดการอยู่ในพื้นที่ฝั่งประเทศไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความลำบากใจแก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากจึงขอให้ภาครัฐลดความเข้มงวดลง โดยขอให้มีการจดเฉพาะเลขบัตรประจำตัวประชาชนและประทับตราผ่านท่าข้ามแทน โดยส่วนใหญ่ไม่พอใจกับแนวทางดังกล่าว เนื่องจากเมื่อคนไทยเดินทางผ่าน ท่าข้าม เข้าประเทศมาเลเซียกลับเข้าไปได้โดยสะดวกไม่มีการจดบันทึกหรือต้องทำในลักษณะเดียวกันนี้

ซึ่งในการพูดคุยเบื้องต้น ได้มีข้อตกลงร่วมกันจนเป็นที่พอใจทั้งภาครัฐ และประชาชน โดยจะไม่มีการปิดท่าข้ามในจุดผ่อนปรน เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลกจะรับผิดชอบในการติดกล้องวงจรปิดในจุดรับลงทะเบียนบริเวณท่าข้ามทั้ง 8 จุดซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ท่าข้ามต่างๆสามารถเปิดให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเอื้อต่อการท่องเที่ยวเมืองชายแดน/

ส่วนการลงทะเบียนการเข้าประเทศของชาวมาเลเซียจะจดเพียงชื่อและเลขบัตรประจำตัวประชาชน โดยจะประทับตราผ่านแดนให้ ซึ่งชาวมาเลเซียใช้เอกสารชุดนี้พร้อมบัตรประจำตัวประชาชนแสดงตนเมื่อมีการเรียกตรวจในพื้นที่

อย่างไรก็ตามผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้เน้นย้ำกับเจ้าของท่าข้ามและประชาชนในพื้นที่ว่า เมื่อภาครัฐผ่อนปรนให้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แล้ว ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ต้องเข้ามาร่วมเฝ้าระวังไม่ให้มีการลักลอบกระทำสิ่งผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ หากมีปัญหาด้านความมั่นคง ยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายที่เกิดจากท่าข้าม ก็จะสั่งการให้จัดระเบียบท่าข้ามตามมาตรการเข้มงวดที่กำหนดไว้ทันที