ชุมพร - นายกสมาคมชาวสวนกาแฟไทย ระบุ AFTA ไม่กระทบ ราคากาแฟ ปีนี้
นายประยูร สงค์ประเสริฐ นายกสมาคมชาวสวนกาแฟไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรกรชาวสวนกาแฟกำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตเมล็ดกาแฟออกมาตากแห้งเพื่อรอการจำหน่าย และที่ผ่านมา มาตัวแทนกลุ่มผลิตกาแฟกลุ่มต่างๆสอบถามและเป็นห่วงเรื่องผลกระทบจากข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ AFTA ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2553 นั้น
สำหรับ กาแฟปีการผลิต 2552/2553 นี้ คงไม่มีผลกระทบเนื่องจากข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน ยังไม่มีระเบียบและข้อกำหนดบังคับรองรับ ซึ่งจะต้องมีการยกร่างและกำหนดรายละเอียดพอสมควร ดังนั้น จึงขอให้เกษตรกรไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องดังกล่าว
นายประยูร กล่าวต่อว่า ส่วนผลผลิตกาแฟปีนี้อยู่ระหว่างราคา 53 -55 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งสูงกว่าราคาต้นทุนอยู่ประมาณ 11-12 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นราคาปานกลาง ส่วนสาเหตุที่ราคาไม่พุ่งสูง เป็นเพราะราคาตลาดโลกไม่ดี ราคากาแฟที่ตกลงส่งมอบในเดือน มกราคม 2553 ราคา 1,300 - 1,400 เหรียญสหรัฐ ต่อตัน ซึ่งต่างจากปีที่แล้วที่มีราคากาแฟสูงถึง 1,900 - 2,000 เหรียญสหรัฐ ต่อตัน
สาเหตุของกาแฟปีการผลิต 2552/2553 มีราคาไม่สูงกว่าปีผลผลิตที่ผ่านมา น่าจะมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกในภาพรวม ส่วนความต้องการใช้ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความเป็นจริงแล้วกาแฟที่ผลิตได้ไม่น่าจะเพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศอยู่แล้วซึ่งมีปริมาณการใช้สูงถึงกว่า 4 หมื่นตัน
นายกสมาคมชาวสวนกาแฟไทย ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ปริมาณผลผลิตกาแฟทั่วประเทศในฤดูการผลิต 2552/2553 นี้ น่าจะอยู่ที่ 4.8 - 5.0 หมื่นตัน ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ดังนั้นราคากาแฟในปีนี้ไม่น่าจะมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นหลัง เดือนมีนาคมไปแล้ว เกษตรกรควรติดตามข่าวสาร ราคากาแฟอย่างต่อเนื่อง และควรทยอยแบ่งขายผลผลิตกาแฟ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากาแฟล้นตลาด และรักษาเสถียรภาพราคา
นายประยูร สงค์ประเสริฐ นายกสมาคมชาวสวนกาแฟไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรกรชาวสวนกาแฟกำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตเมล็ดกาแฟออกมาตากแห้งเพื่อรอการจำหน่าย และที่ผ่านมา มาตัวแทนกลุ่มผลิตกาแฟกลุ่มต่างๆสอบถามและเป็นห่วงเรื่องผลกระทบจากข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ AFTA ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2553 นั้น
สำหรับ กาแฟปีการผลิต 2552/2553 นี้ คงไม่มีผลกระทบเนื่องจากข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน ยังไม่มีระเบียบและข้อกำหนดบังคับรองรับ ซึ่งจะต้องมีการยกร่างและกำหนดรายละเอียดพอสมควร ดังนั้น จึงขอให้เกษตรกรไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องดังกล่าว
นายประยูร กล่าวต่อว่า ส่วนผลผลิตกาแฟปีนี้อยู่ระหว่างราคา 53 -55 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งสูงกว่าราคาต้นทุนอยู่ประมาณ 11-12 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นราคาปานกลาง ส่วนสาเหตุที่ราคาไม่พุ่งสูง เป็นเพราะราคาตลาดโลกไม่ดี ราคากาแฟที่ตกลงส่งมอบในเดือน มกราคม 2553 ราคา 1,300 - 1,400 เหรียญสหรัฐ ต่อตัน ซึ่งต่างจากปีที่แล้วที่มีราคากาแฟสูงถึง 1,900 - 2,000 เหรียญสหรัฐ ต่อตัน
สาเหตุของกาแฟปีการผลิต 2552/2553 มีราคาไม่สูงกว่าปีผลผลิตที่ผ่านมา น่าจะมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกในภาพรวม ส่วนความต้องการใช้ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความเป็นจริงแล้วกาแฟที่ผลิตได้ไม่น่าจะเพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศอยู่แล้วซึ่งมีปริมาณการใช้สูงถึงกว่า 4 หมื่นตัน
นายกสมาคมชาวสวนกาแฟไทย ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ปริมาณผลผลิตกาแฟทั่วประเทศในฤดูการผลิต 2552/2553 นี้ น่าจะอยู่ที่ 4.8 - 5.0 หมื่นตัน ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ดังนั้นราคากาแฟในปีนี้ไม่น่าจะมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นหลัง เดือนมีนาคมไปแล้ว เกษตรกรควรติดตามข่าวสาร ราคากาแฟอย่างต่อเนื่อง และควรทยอยแบ่งขายผลผลิตกาแฟ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากาแฟล้นตลาด และรักษาเสถียรภาพราคา
