นครศรีธรรมราช - นายเทพไท เสนพงศ์ ย้ำ “ชวลิต”-“ทักษิณ”ตัวปัญหาทำ “ฮุนเซน”เปลี่ยนยึดประโยชน์ส่วนตัว ย้ำครั้ง “มาร์ค”เยือนยังทำนายจะยิ่งใหญ่ - เป็นประเทศเดียวในโลกที่ทักษิณเชิดเป็นเครื่องมือได้
วันนี้ (26 ธ.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ สส.นครศรีธรรมราช โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยไม่ยอมรับผิด และโยนความขัดแย้งไทยเขมรเป็นเรื่องของตัวนายกรัฐมนตรีว่า เรื่องจริงนั้นคือเริ่มต้นความขัดแย้งระหว่างกัมพูชากับไทยนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างฮุนเซนกับอภิสิทธิ์จริงนั้น
ฮุนเซน ต้องมีท่าทีตั้งแต่วันที่นายกอภิสิทธิ์ รับตำแหน่ง หลังจากนั้นจะเห็นได้ว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ไปเยือนตามประเพณีได้รับการต้อนรับอย่างดี สมเด็จฮุนเซนถึงขั้นทำนายดวงของนายอภิสิทธิ์ ไว้ว่านับแต่นายอภิสิทธิ์อายุ 46 ปีเป็นต้นไปจะยิ่งใหญ่เหมือนกับตัวเอง
ฉะนั้นท่าที ที่เปลี่ยนไปเกิดขึ้นหลังจากที่ พลเอกชวลิตไปพบกับสมเด็จฮุนเซนและมีการตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาและ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปรับตำแหน่งแล้วมีการเคลื่อนไหวในกัมพูชา โดยการให้ข้อมูลบิดเบือนให้กับฮุนเซนจนมีท่าทีเปลี่ยนไป
“เพราะฉะนั้นระหว่างนายอภิสิทธิ์กับฮุนเซน จึงไม่มีอะไรที่ขัดแย้งส่วนตัว สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ดำเนินการนั้นเป็นการดำเนินในฐานะรัฐไทย นายกรัฐมนตรี การแสดงท่าทีนั้นเป็นการปกป้องประโยชน์ประเทศชาติทั้งสิ้นไม่ได้มีผลประโยชน์ส่วนตัวเกี่ยวข้อง แต่พ.ต.ท.ทักษิณ กับฮุนเซนนั้นมีความสัมพันธ์ ในลักษณะของความเป็นส่วนตัวเกี่ยวข้องประโยชน์ส่วนตัว แต่ลักษณะเช่นนี้สำหรับนายอภิสิทธิ์ไม่มีอย่างเด็ดขาด”
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ไม่ว่า จะเป็นข้อมูลใดก็ตามถ้าหากถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ย่อมถึงมือฮุนเซนโดยปริยาย เพราะว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ฮุนเซนเป็นเครื่องมือในการเคลื่อนไหวทางการเมือง และมีเพียงประเทศเดียวเท่านั้นในโลกนี้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถคอนโทรลกำหนดความเคลื่อนไหวผ่านผู้นำประเทศได้
ทั้งนี้ เชื่อว่าข้อมูลที่ฮุนเซนได้รับนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือนจึงเข้าใจผิดและมีท่าทีที่ผิดพลาดต่อรัฐบาลไทย เรื่องนี้รัฐบาลไทยไม่ได้ตอบโต้และประกาศจุดยืนไม่โต้ไม่ชี้แจงเพราะเป็นข้อเท็จจริงที่สามารถหาได้จากเอกสารเพียง แต่การแปลเอกสารจากภาษาไทยเป็นภาษาเขมรให้ตรงกับข้อเท็จจริง แต่ก็ไม่มีหลักประกันใดที่จะรับรองได้ เพราะแม้แต่ นายจตุพร เป็นคนไทย แปลภาษาไทยเป็นภาษาไทย ยังบิดเบือนเลย
“มีคนพูดกันว่าครั้งนี้เป็นการจารกรรมความลับของชาติหรือไม่ เรื่องนี้จริงๆแล้วเป็นข้อมูลที่ลับกว่าตารางบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่นายศิวรักษ์ บอกนายคำรบด้วยซ้ำ แต่นี่เป็นความลับของชาติจริงๆที่นายจตุพรนำไปแพร่ไปส่งต่อให้ สมเด็จฮุนเซน ทำให้ต่างประเทศสามารถรู้ถึงแนวคิดจุดยืนของไทยที่มีต่อประเทศนั้น เชื่อว่า นายจตุพร ต้องรับผิดชอบมีการแจ้งข้อกล่าวหาให้ดำเนินคดีต้องไปสู้ดูในศาลว่าจะคุกหรือไม่คุก”โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
วันนี้ (26 ธ.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ สส.นครศรีธรรมราช โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยไม่ยอมรับผิด และโยนความขัดแย้งไทยเขมรเป็นเรื่องของตัวนายกรัฐมนตรีว่า เรื่องจริงนั้นคือเริ่มต้นความขัดแย้งระหว่างกัมพูชากับไทยนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างฮุนเซนกับอภิสิทธิ์จริงนั้น
ฮุนเซน ต้องมีท่าทีตั้งแต่วันที่นายกอภิสิทธิ์ รับตำแหน่ง หลังจากนั้นจะเห็นได้ว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ไปเยือนตามประเพณีได้รับการต้อนรับอย่างดี สมเด็จฮุนเซนถึงขั้นทำนายดวงของนายอภิสิทธิ์ ไว้ว่านับแต่นายอภิสิทธิ์อายุ 46 ปีเป็นต้นไปจะยิ่งใหญ่เหมือนกับตัวเอง
ฉะนั้นท่าที ที่เปลี่ยนไปเกิดขึ้นหลังจากที่ พลเอกชวลิตไปพบกับสมเด็จฮุนเซนและมีการตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาและ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปรับตำแหน่งแล้วมีการเคลื่อนไหวในกัมพูชา โดยการให้ข้อมูลบิดเบือนให้กับฮุนเซนจนมีท่าทีเปลี่ยนไป
“เพราะฉะนั้นระหว่างนายอภิสิทธิ์กับฮุนเซน จึงไม่มีอะไรที่ขัดแย้งส่วนตัว สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ดำเนินการนั้นเป็นการดำเนินในฐานะรัฐไทย นายกรัฐมนตรี การแสดงท่าทีนั้นเป็นการปกป้องประโยชน์ประเทศชาติทั้งสิ้นไม่ได้มีผลประโยชน์ส่วนตัวเกี่ยวข้อง แต่พ.ต.ท.ทักษิณ กับฮุนเซนนั้นมีความสัมพันธ์ ในลักษณะของความเป็นส่วนตัวเกี่ยวข้องประโยชน์ส่วนตัว แต่ลักษณะเช่นนี้สำหรับนายอภิสิทธิ์ไม่มีอย่างเด็ดขาด”
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ไม่ว่า จะเป็นข้อมูลใดก็ตามถ้าหากถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ย่อมถึงมือฮุนเซนโดยปริยาย เพราะว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ฮุนเซนเป็นเครื่องมือในการเคลื่อนไหวทางการเมือง และมีเพียงประเทศเดียวเท่านั้นในโลกนี้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถคอนโทรลกำหนดความเคลื่อนไหวผ่านผู้นำประเทศได้
ทั้งนี้ เชื่อว่าข้อมูลที่ฮุนเซนได้รับนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือนจึงเข้าใจผิดและมีท่าทีที่ผิดพลาดต่อรัฐบาลไทย เรื่องนี้รัฐบาลไทยไม่ได้ตอบโต้และประกาศจุดยืนไม่โต้ไม่ชี้แจงเพราะเป็นข้อเท็จจริงที่สามารถหาได้จากเอกสารเพียง แต่การแปลเอกสารจากภาษาไทยเป็นภาษาเขมรให้ตรงกับข้อเท็จจริง แต่ก็ไม่มีหลักประกันใดที่จะรับรองได้ เพราะแม้แต่ นายจตุพร เป็นคนไทย แปลภาษาไทยเป็นภาษาไทย ยังบิดเบือนเลย
“มีคนพูดกันว่าครั้งนี้เป็นการจารกรรมความลับของชาติหรือไม่ เรื่องนี้จริงๆแล้วเป็นข้อมูลที่ลับกว่าตารางบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่นายศิวรักษ์ บอกนายคำรบด้วยซ้ำ แต่นี่เป็นความลับของชาติจริงๆที่นายจตุพรนำไปแพร่ไปส่งต่อให้ สมเด็จฮุนเซน ทำให้ต่างประเทศสามารถรู้ถึงแนวคิดจุดยืนของไทยที่มีต่อประเทศนั้น เชื่อว่า นายจตุพร ต้องรับผิดชอบมีการแจ้งข้อกล่าวหาให้ดำเนินคดีต้องไปสู้ดูในศาลว่าจะคุกหรือไม่คุก”โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว