นครศรีธรรมราช – “เทพไท เสนพงศ์”ชี้หาก”ทักษิณ”พ้นคุกเพราะเจรจา-นักโทษทั่วประเทศต้องพ้นด้วย เย้ยต้องปฏิวัติเท่านั้นถึงพ้นผิด-ย้อนถาม “แม้ว” เอาให้ชัดหมายถึงใคร
วันนี้ (21 ธ.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงประเด็นการเจรจา พล.อ.สุรยุทธ์ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อยุติความวุ่นวายว่า เรื่องนี้ เบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร หรือความเป็นมาอย่างไร แต่เมื่อดูท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมจะเจรจาแต่จะใช้การเจรจาโดยใช้เงื่อนไขให้ตัวเองได้เปรียบ ได้รับประโยชน์แต่ฝ่ายเดียว
การยื่นเงื่อนไขว่าจะต้องให้สถานการณ์ทั้งหมดหวนคืนไปสู่สถานะก่อนวันที่ 19 กันยายน 49 หมายความว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังต้องการให้สถานะตัวเองเหมือนเดิม คือคดีความที่ต้องรับโทษยกเลิก คดีที่กำลังพิจารณายุติ การอายัดเงิน 7.6 หมื่นล้านต้องคืน เป็นเรื่องที่คนไทยทั้งประเทศยอมรับไม่ได้ ถ้าประเทศไทยยอมรับให้นักโทษหนีคดีใช้เงื่อนไขต่อรองกับรัฐให้พ้นผิดได้ จะทำให้คนที่ติดคุกอยู่ในเรือนจำนับหมื่นนับแสนสามารถสร้างเงื่อนไขต่อรองให้รัฐบาลปล่อยคนเหล่านี้พ้นจากเรือนจำพ้นจากคุกได้เหมือนกัน
“เป็นเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้สำหรับข้อเสนอของ นายนภดล ที่เป็นที่ปรึกษากฎหมาย คือ 1.ต้องมีรัฐธรรมนูญ 40 คืนมาเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว รธน.ฉบับนั้นคืนมาต้องแก้ไข รธน.50, 2 คือการยกเลิกคือจากการปฏิวัติรัฐประหาร เงื่อนไขการรัฐประหารไม่มี การแก้ไขก็เป็นไปไม่ได้เพราะพรรคเพื่อไทยไม่เข้าร่วมแก้ไขด้วย เงื่อนไขของการรัฐประหารเกิดขึ้นเพราะรัฐบาลที่ประชาชนไม่ยอมรับ 1.โกงกินคอรัปชั่น, 2.รัฐบาลไม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มีการจาบจ้วงล่วงละเมิด 2 อย่างนี้รัฐบาลชุดนี้ไม่มีทั้งสองอย่าง แม้ว่าจะทำรัฐประหารเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังทหารไม่มีแน่นอน”
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ในเงื่อนไขการเจรจาที่ควรเป็นข้อสังเกตของ พ.ต.ท.ทักษิณ จากการทวิตเตอร์ว่า ฟังคำสัมภาษณ์แล้วว่าไม่แน่ใจว่าจะเจรจาเองหรือได้รับอนุญาตจากใคร สื่อให้เห็นได้ชัดว่า คู่ขัดแย้งของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนที่อยู่เหนือ พล.อ.สุรยุทธ์ เพราะการถามว่าการมาเจรจาโดยได้รับอนุญาตมาจากใครหรือพูดเองนั่นหมายความว่าเป็นการส่งสัญญาณคนที่อยู่เหนือ พล.อ.สุรยุทธ์ ยินยอมหรือเห็นด้วยกับการเจรจาครั้งนี้
หรือไม่ทำให้สังคมสงสัยในท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าคนที่อยู่เหนือ พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นใคร เป็นพฤติกรรมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามพูดและส่งสัญญาณตีความไปต่างๆ นานา เสมอ ซึ่งคนที่เหนือจาก พล.อ.สุรยุทธ์ มีอยู่ 2 สถานะคือ พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นองคมนตรีที่แต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ และเป็นองคมนตรีที่มีประธานองคมนตรีเป็นพลเอกเปรม ผู้ที่อยู่เหนือจึงเป็นใคร พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องพูดให้ชัดไม่ให้สังคมตีความไปต่างๆ นานา
วันนี้ (21 ธ.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงประเด็นการเจรจา พล.อ.สุรยุทธ์ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อยุติความวุ่นวายว่า เรื่องนี้ เบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร หรือความเป็นมาอย่างไร แต่เมื่อดูท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมจะเจรจาแต่จะใช้การเจรจาโดยใช้เงื่อนไขให้ตัวเองได้เปรียบ ได้รับประโยชน์แต่ฝ่ายเดียว
การยื่นเงื่อนไขว่าจะต้องให้สถานการณ์ทั้งหมดหวนคืนไปสู่สถานะก่อนวันที่ 19 กันยายน 49 หมายความว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังต้องการให้สถานะตัวเองเหมือนเดิม คือคดีความที่ต้องรับโทษยกเลิก คดีที่กำลังพิจารณายุติ การอายัดเงิน 7.6 หมื่นล้านต้องคืน เป็นเรื่องที่คนไทยทั้งประเทศยอมรับไม่ได้ ถ้าประเทศไทยยอมรับให้นักโทษหนีคดีใช้เงื่อนไขต่อรองกับรัฐให้พ้นผิดได้ จะทำให้คนที่ติดคุกอยู่ในเรือนจำนับหมื่นนับแสนสามารถสร้างเงื่อนไขต่อรองให้รัฐบาลปล่อยคนเหล่านี้พ้นจากเรือนจำพ้นจากคุกได้เหมือนกัน
“เป็นเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้สำหรับข้อเสนอของ นายนภดล ที่เป็นที่ปรึกษากฎหมาย คือ 1.ต้องมีรัฐธรรมนูญ 40 คืนมาเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว รธน.ฉบับนั้นคืนมาต้องแก้ไข รธน.50, 2 คือการยกเลิกคือจากการปฏิวัติรัฐประหาร เงื่อนไขการรัฐประหารไม่มี การแก้ไขก็เป็นไปไม่ได้เพราะพรรคเพื่อไทยไม่เข้าร่วมแก้ไขด้วย เงื่อนไขของการรัฐประหารเกิดขึ้นเพราะรัฐบาลที่ประชาชนไม่ยอมรับ 1.โกงกินคอรัปชั่น, 2.รัฐบาลไม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มีการจาบจ้วงล่วงละเมิด 2 อย่างนี้รัฐบาลชุดนี้ไม่มีทั้งสองอย่าง แม้ว่าจะทำรัฐประหารเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังทหารไม่มีแน่นอน”
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ในเงื่อนไขการเจรจาที่ควรเป็นข้อสังเกตของ พ.ต.ท.ทักษิณ จากการทวิตเตอร์ว่า ฟังคำสัมภาษณ์แล้วว่าไม่แน่ใจว่าจะเจรจาเองหรือได้รับอนุญาตจากใคร สื่อให้เห็นได้ชัดว่า คู่ขัดแย้งของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนที่อยู่เหนือ พล.อ.สุรยุทธ์ เพราะการถามว่าการมาเจรจาโดยได้รับอนุญาตมาจากใครหรือพูดเองนั่นหมายความว่าเป็นการส่งสัญญาณคนที่อยู่เหนือ พล.อ.สุรยุทธ์ ยินยอมหรือเห็นด้วยกับการเจรจาครั้งนี้
หรือไม่ทำให้สังคมสงสัยในท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าคนที่อยู่เหนือ พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นใคร เป็นพฤติกรรมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามพูดและส่งสัญญาณตีความไปต่างๆ นานา เสมอ ซึ่งคนที่เหนือจาก พล.อ.สุรยุทธ์ มีอยู่ 2 สถานะคือ พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นองคมนตรีที่แต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ และเป็นองคมนตรีที่มีประธานองคมนตรีเป็นพลเอกเปรม ผู้ที่อยู่เหนือจึงเป็นใคร พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องพูดให้ชัดไม่ให้สังคมตีความไปต่างๆ นานา