จับแล้วผู้ต้องหาฆ่าเผา “นายยามาดะ” นักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ในพื้นที่ฉลองภูเก็ต รับทำไปเพราะความแค้นใช้ชะแลงทุบขณะผู้ตายนอนหลับบนโซฟาและใช้มีดแทง ทิ้งศพไว้ 1 คืนก่อนที่จะนำศพไปเผา อ้างลงมือคนเดียวไม่ตั้งใจเผาทำลายศพ
วันนี้ (28 พ.ย.) ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.พิทักษ์ จารุสมบัติ รักษาราชการแทน ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย ร้องผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 , พล.ต.ต. พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ชินรัตน์ ฤทธาคณานนท์ ผกก.สภ.ฉลอง ร่วมกันแถลงผลการติดตามจับกุมนายสุวิทย์ หรือ ไก่ แม้นศรี อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 หมู่ 7 ต.วังเพิ่ม อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดี ฆ่า นายยามาดะ ยูคิโฮะ นักธุรกิจจำหน่ายเกี่ยวกับเครื่องดนตรีชาวญี่ปุ่นอายุ 75 ปี
โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 พ.ย.2552 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจฉลองได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ที่บริเวณซอยสวนยาง หมู่ที่ 7 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต หลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพบศพถูกไฟไหม้อยู่ในรถด้วย1ศพ จึงได้รวมรวมพยานหลังฐานต่างๆ ทั้งที่บ้านผู้ตายและคาร์แคร์ของภรรยา และควบคุมตัว นางสาวทับทิม แซ่หัก ภรรยาของ นายยามาดะ ยูคิโฮะ ไว้สอบสวนขยายผล พร้อมขอออกหมายจับ นายสุวิทย์ แม้นศรี อายุ 21 ปี ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ซ่อนเร้นหรือทำลายศพหรือชิ้นส่วนของศพเพื่อปิดการเกิดเหตุการณ์ตาย” ซึ่งหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งชุดสืบตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ชุดสืบ สภ.ฉลอง ออกติดตามจับกุมคนร้ายอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ในที่สุดโดยจับกุมได้ที่บริเวณซอยหัวท่า ถนนเทพกระษัตรี หมู่ 3 ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
ซึ่งหลังจากแถลงข่าวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษและกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 50 นาย ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยจุดแรกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายสุวิทย์ไปทำแผน เป็นบ้านพักของผู้ตายเลขที่ 63/376 ซอย 5/6 ถนนวิรัชหงส์หยก หมู่ที่ 4 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ที่นายสุวิทย์ลงมือฆ่าผู้ตาย ส่วนจุดที่2 เป็นจุดที่นายสุวิทย์จุดไฟเผารถและศพผู้ตายบริเวณถนนลูกรัง ซอยกลุ่มยาง หมู่ที่ 7 ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม สำหรับมูลเหตุการณ์สังหารในครั้งนี้ จากการสอบปากคำผู้ต้องหา ให้การว่าเป็นคนลงมือฆ่านายยามาดะชาวญี่ปุ่นเพียงคนเดียว สาเหตุเนื่องจากมีความแค้นที่ผู้ตายข่มเหงรังแก นางสาวทับทิม ภรรยาของผู้ตาย ซึ่งมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับตนเองและรู้จักกันมาตั้งแต่เดือน ก.ค2552
สำหรับการสังหาร นายยามาดะ นั้น ได้ก่อเหตุในช่วงเวลาประมาณ 03.00 น.ของวันที่ 24 พ.ย.2552 โดยใช้กุญแจบ้านที่มีอยู่ไขเข้าไปในบ้านของผู้ตาย และใช้ชะแลงที่อยู่ภายในบ้านตีเข้าไปที่บริเวณกรามด้านซ้ายของ นายยามะดะ จำนวน 2 ครั้ง จนแน่นิ่ง จากนั้นใช้เศษผ้าใบที่เตรียมมามัดผู้ใต้และลากลงจากโซฟา แต่ผู้ตายรู้สึกตัวจึงได้ใช้เท้าเหยียบเพื่อปิดตาไม่ให้ผู้ตายเห็นหน้า แต่ผู้ตายพยายามดิ้นขัดขืน จึงได้ใช้มีดที่เตรียมมาแทงเข้าที่บริเวณต้นขา 1 ครั้ง และหนีออกจากบ้านโดยทิ้งร่างของนายยามะดะไว้ที่บ้านเกิดเหตุ
หลังจากนั้น เมื่อทราบว่า นายยามาดะ เสียชีวิต จึงเดินทางกลับไปทำความสะอาดที่บ้านของผู้ตาย โดยศพของผู้ตายยังคงอยู่ที่บ้านที่เกิดเหตุ และกลับมานำศพผู้ตายออกจากบ้านอีกครั้งเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.วันที่ 25 พ.ย โดยนำศพใส่ในรถเก๋งและขับไปยังบริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งในเบื้องต้นนั้นจะนำศพไปทิ้งและหลบหนีไป แต่รถเกิดไปติดหล่ม จึงได้ตัดสินใจเผาศพพร้อมกับรถคันที่เกิดเหตุและหลบหนีไปโดยนัดให้คนขับรถไปรับที่บริเวณทางเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่งและให้ไปส่งในพื้นที่ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต และหลบหนีอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ปักใจเชื่อในคำให้การทั้งหมดของ นายสุวิทย์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อไป