ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – พันธมิตรฯ สงขลาตบเท้าติดอาวุธทางปัญญาหน้าเวทีสถานีรถไฟหาดใหญ่ ซึ่งมีหญิงเหล็ก “เสน่ห์ หงส์ทอง” แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 แฉเบื้องหลังปัญหารถไฟดองกิจการรถไฟให้จมปลักกับความเน่าเฟะ เพื่อให้ประชาชนทนเสี่ยงใช้บริการที่ห่วยและเสี่ยงชีวิตต่อไป จะได้นำไปสู่การแปรรูป จวกผู้บริหารฯ ใช้สื่อเป็นเครื่องมือทำสงครามโยนบาปให้สหภาพฯ รถไฟ และใช้อำนาจรัฐสั่งปลด 6 พนักงานสหภาพฯ รถไฟ เพื่อเด็ดแข้งขาในการต่อสู้ ซึ่งนักการเมืองได้ออกมติ ครม.แผนฟื้นฟู 3 มิ.ย.หาลู่ทางแปรรูปไว้แล้ว รอเพียงงบโครงการไทยเข้มแข็งหนุนเท่านั้น
วันที่ 30 ต.ค.ตั้งแต่เวลา 18.00น.เป็นต้นไป พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.สงขลา จัดเวที “เกิดอะไรขึ้นในรถไฟไทย” ณ ลานประวัติศาสตร์ สถานีรถไฟหาดใหญ่ ท่ามกลางประชาชนที่ร่วมเวทีเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นการเปิดเวทีติดตามสถานการณ์เป็นวันที่ 3 แล้ว
บรรยากาศนั้นยังคงได้รับการตอบรับของพี่น้องเสื้อเหลืองอย่างอบอุ่นพร้อมฝ่าสายฝนเช่นเวทีในครั้งก่อนๆ และมีแม่ยกร่วมนำอาหาร เครื่องดื่ม ออกมาบริการผู้ร่วมงาน พร้อมทั้งแจกและจำหน่ายเสื้อ ซีดี เอกสาร ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงของประเด็นสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นกรณีเขาพระวิหาร หรือกิจการรถไฟ
ช่วงแรก อ.บุญเติม วุฒิรัตน์ ได้ขึ้นเวทีพร้อมกับน้อมนำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเตือนสติและยึดถือปฏิบัติ ด้วยใจความสำคัญที่ให้เลือกคนดีขึ้นปกครอง เพื่อความผาสุกของบ้านเมือง ซึ่งขัดแย้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพนักงานรถไฟที่ผู้ปฎิบัติตามหน้าที่ทั้งเรื่องการงาน และหน้าที่ต่อการเป็นพลเมืองในการเรียกร้องความปลอดภัยให้ประชาชน
แต่การทำหน้าที่ของพนักงานรถไฟกลับถูกกลั่นแกล้ง บิดเบือนข้อเท็จจริงเรื่องระบบป้องกันพนังงานขับรถหมดสติ (Vigilance) ว่าเป็นเพียงอุปกรณ์เสริม และบังคับให้บริการรถด้วยความไม่พร้อม ซึ่งหากไม่มีการเรียกร้องเปิดโปงข้อเท็จจริงแล้ว ความไม่ปลอดภัยดังกล่าวจะทำให้เกิดการสูญเสียที่ประมาณค่าไม่ได้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสาร และยังใช้อำนาจรัฐไล่พนักงานรถไฟที่เป็นแกนนำเรียกร้องออกจำนวน 6 คนออกอย่างไม่ชอบธรรม
ต่อมาเวลาประมาณ 19.30 น. น.ส.เสน่ห์ หงส์ทอง แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 เปิดเผยถึงการทำงานของผู้บริหารรถไฟแห่งประเทศไทยที่ให้ข่าวเพียงด้านเดียว โดยใช้สื่อเป็นเครื่องมือทำให้สหภาพรัฐวิสาหกิจรถไฟตกเป็นจำเลยของสังคมในกรณีปล่อยผู้โดยสารที่สถานีละแม จ.ชุมพร ซ้ำยังลงโทษพนักงานโดยไม่พิจารณาตัวเอง และฟ้องร้องต่อกรรมการสหภาพฯ ด้วยจำนวนเงินถึง 70 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งไล่ออก 6 พนักงานของสหภาพฯ รถไฟหาดใหญ่ เพื่อสกัดไม่ให้มีการเคลื่อนไหวการทำงานของฝ่ายบริหารที่ร่วมกับรัฐบาลอย่างมีจุดประสงค์อื่นแอบแผง เป็นการสร้างความขัดแย้งในรูปแบบรายบุคคล มากกว่าที่จะคำนึงถึงความสุขทุกข์ร้อนของประชาชนอย่างแท้จริง ที่เป็นเช่นนี้เพราะมีมีแผนฟื้นฟูกิจการรถไฟที่ผ่านมติ ครม.วันที่ 3 มิถุนายนรออยู่แล้ว รอเพียงงบไทยเข้มแข็งที่จะลงมาแปรรูปรถไฟเท่านั้น
“เราเคารพสื่อที่ให้ความเป็นธรรม และไม่จำเป็นต้องสนับสนุนก็ได้ แต่ต้องนำเสนอความจริงออกมาให้สังคมรับรู้ว่าสหภาพฯ ต่อสู้ไม่ได้เรียกร้องเงินเดือนและสวัสดิการเพื่อตัวเอง แต่ต้องการให้รถไฟได้บริการประชาชนด้วยความปลอดภัย หรือจะปล่อยให้ประชาชนถูกจำกัดสิทธิ เสี่ยงใช้บริการกับหัวรถไฟเก่าๆ อุปกรณ์ที่ชำรุด และระบบรางที่ไม่ได้รับการบำรุงรักษาต่อไปหรือ เรื่องเหล่านี้ได้มีการเรียกร้องกันมาเป็น 10 ปี แต่ฝ่ายบริหารไม่เคยให้ความใส่ใจ เพราะต้องการแต่จะแปรรูปกิจการรถไฟเท่านั้น” น.ส.เสน่ห์ กล่าวต่อและว่า
เรื่องราวเหล่านี้ พันธมิตรฯ ยืดหยัดคัดค้านการแปรรูป รวมถึงขับไล่ขบวนการคอรัปชั่นต้นเหตุของความถดถอยของการรถไฟที่นำโดยผู้บริหารคอรัปชั่น โดยมีรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมชักใยอยู่เบื้องหลัง เราไม่ได้ทำเฉพาะตอนนี้แต่ทำมานานแล้ว ตั้งแต่นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ยังเป็นแกนนำพันธมิตรฯ ก็ได้ปฏิเสธการแปรรูปการรถไฟมาโดยตลอด เพื่อที่จะการปกป้ององค์กรการรถไฟ ซึ่งเป็นสมบัติของคนในชาติ
“การใช้รถไฟฟรีนั้นเกิดขึ้นเพราะรัฐไม่ต้องการให้ประชาชนลุกขึ้นประท้วง เพราะความเดือดร้อนจากความไม่เอาไหนในการสนใจปัญหาระดับชาวบ้าน ทุ่มงบประมาณเป็นหมื่นล้านต่อปีเพื่อพัฒนาระบบถนน แถมต้องเสียดุลการค้ามหาศาลนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง แต่กับการพัฒนารถไฟซึ่งเป็นระบบขนส่งที่ต้นทุนต่ำที่สุดกลับได้งบพัฒนาไม่ถึงครึ่งหนึ่งด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม เรายังเรียกร้องให้ประชาชนยืนหยัดต่อสู้ด้วยความจริง ตราบใดที่ยังมีการต่อสู่เพื่อความถูกต้อง เมื่อนั้นจะเกิดความยุติธรรมที่นำสู่ความเจริญแก่บ้านเมือง” น.ส.เสน่ห์กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ หลังจากนี้ได้มีการถ่ายทอดสดรายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจากสถานีโทรทัศน์ ASTV ให้พี่น้อง ณ ลานประวัติศาสตร์ หน้าสถานีรถไฟ ได้ติดตามสถานการณ์และข้อเท็จจริงของกิจการรถไฟที่สื่ออื่นไม่นำเสนอต่อ ก่อนที่จะสลายเวทีเวลา 22.00 น.ในที่สุด