นครศรีธรรมราช - นายห้างดังคลัง “จตุคาม 30”-วัตถุมงคล-พระเครื่องทองคำ หายเกลี้ยง มูลค่าหลายล้านบาท หลังโจรได้งัดประตูหลังเข้ามาขโมย ขณะนี้เจ้าหน้าที่เก็บลายนิ้วมือและติดตามหาตัวคนร้ายแล้ว
วันนี้ (29 ต.ค.) ร.ต.อ.สุริยา แป้นเกิด ร้อยเวร สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่า มีคนร้ายงัดแงะเข้าไปโจรกรรมทรัพย์สินภายในห้างเทปมิวสิค เลขที่ 1835/33 ถนนยมราช ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูดิส นรสิงห์ ผกก. พ.ต.ท.สมชาย มวยดี สวป.เจ้าหน้าที่กองวิทยาการเขต 43 นครศรีธรรมราช รีบรุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบว่า ที่เกิดเหตุเป็นตึก 3 ชั้น คนร้ายได้งัดประตูหลังห้างทั้งกุญแจ กระจกบานเกล็ดและเหล็กดัด จนสามารถเข้าไปภายในห้างได้และพบร่องรอยการขึ้นไปรื้อค้นหาทรัพย์สินบนชั้น 2 ซึ่งตามปกติจะเป็นชั้นที่จำหน่ายม้วนเทป ซีดี วีซีดี และดีวีดี ของศิลปินต่างๆ และมุมหนึ่งเป็นห้องพักของนายอนุชิต สกุลอมร หรือ “แป๊ะตี๋” นายห้างเทปมิวสิค
โดยคนร้ายได้นำตู้เซฟลงมาจากชั้น 2 ลงมางัดตู้เซฟที่ชั้นล่าง ซึ่งเป็นชั้นที่จัดสรรเป็นสัดส่วนวางม้วนเทป ซีดี วีซีดี และดีวีดี จำหน่ายเต็มพื้นที่ โดยชั้นล่างพบข้าวของถูกรื้อค้นกระจุยกระจายและคนร้ายได้ทุบตีทำลายข้าวของจนแตกกระจายเกลื่อนบริเวณ
โดยเจ้าหน้าที่พบว่าคนร้ายสามารถวัดแงะตู้เซฟออกมาได้ ส่วนทรัพย์สินภายในตู้เซฟมีอะไรหายไปบ้างอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ ที่หายไปเท่าที่พอจะตรวจสอบได้ในเบื้องต้น ประกอบด้วย เงินสด 20,000 บาท วัตถุมงคลทั้งจตุคาม-รามเทพ และพระเกจิ ชื่อดังหลายรุ่นหลายรายการ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเหรียญทองคำ
โดยเฉพาะเหรียญทองคำพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 20 เหรียญ รวมทั้งทรัพย์สินอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง รวมมูลค่าทรัพย์สินหลายล้านบาท คาดว่า คนร้ายอย่างน้อย 2 คนได้ลงมือปฏิบัติการในช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา
จากการสอบสวนปากคำ นางอมรรัตน์ สกุลอมร อายุ 52 ปี ภรรยาของนายอนุชิต หรือแป๊ะตี๋ ให้การว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาหลังจากปิดห้าง ตนได้ขึ้นไปนอนในห้องชั้น 3 เมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้าพบว่าข้าวของถูกรื้อค้นกระจุยกระจายและประตูหลังถูกงัด จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะรู้ความเคลื่อนไหวของทางห้างเทปมิวสิคเป็นอย่างดีว่าในตอนกลางคืนจะไม่มีใครอยู่ในชั้นล่างและชั้น 2 มีเพียงนางอมรรัตน์ ภรรยาของ นายอนุชิต นอนในห้องชั้น 3 จึงสะดวกที่จะปฏิบัติการงัดแงะเข้าไปโจรกรรมทรัพย์สิน โดยอาจจะมีพนักงานภายในห้างหรือพนักงานเก่าที่ออกไปแล้วร่วมขบวนการด้วย
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุพร้อมเก็บร่องรอยลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายเพื่อตรวจสอบติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (29 ต.ค.) ร.ต.อ.สุริยา แป้นเกิด ร้อยเวร สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่า มีคนร้ายงัดแงะเข้าไปโจรกรรมทรัพย์สินภายในห้างเทปมิวสิค เลขที่ 1835/33 ถนนยมราช ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูดิส นรสิงห์ ผกก. พ.ต.ท.สมชาย มวยดี สวป.เจ้าหน้าที่กองวิทยาการเขต 43 นครศรีธรรมราช รีบรุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบว่า ที่เกิดเหตุเป็นตึก 3 ชั้น คนร้ายได้งัดประตูหลังห้างทั้งกุญแจ กระจกบานเกล็ดและเหล็กดัด จนสามารถเข้าไปภายในห้างได้และพบร่องรอยการขึ้นไปรื้อค้นหาทรัพย์สินบนชั้น 2 ซึ่งตามปกติจะเป็นชั้นที่จำหน่ายม้วนเทป ซีดี วีซีดี และดีวีดี ของศิลปินต่างๆ และมุมหนึ่งเป็นห้องพักของนายอนุชิต สกุลอมร หรือ “แป๊ะตี๋” นายห้างเทปมิวสิค
โดยคนร้ายได้นำตู้เซฟลงมาจากชั้น 2 ลงมางัดตู้เซฟที่ชั้นล่าง ซึ่งเป็นชั้นที่จัดสรรเป็นสัดส่วนวางม้วนเทป ซีดี วีซีดี และดีวีดี จำหน่ายเต็มพื้นที่ โดยชั้นล่างพบข้าวของถูกรื้อค้นกระจุยกระจายและคนร้ายได้ทุบตีทำลายข้าวของจนแตกกระจายเกลื่อนบริเวณ
โดยเจ้าหน้าที่พบว่าคนร้ายสามารถวัดแงะตู้เซฟออกมาได้ ส่วนทรัพย์สินภายในตู้เซฟมีอะไรหายไปบ้างอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ ที่หายไปเท่าที่พอจะตรวจสอบได้ในเบื้องต้น ประกอบด้วย เงินสด 20,000 บาท วัตถุมงคลทั้งจตุคาม-รามเทพ และพระเกจิ ชื่อดังหลายรุ่นหลายรายการ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเหรียญทองคำ
โดยเฉพาะเหรียญทองคำพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 20 เหรียญ รวมทั้งทรัพย์สินอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง รวมมูลค่าทรัพย์สินหลายล้านบาท คาดว่า คนร้ายอย่างน้อย 2 คนได้ลงมือปฏิบัติการในช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา
จากการสอบสวนปากคำ นางอมรรัตน์ สกุลอมร อายุ 52 ปี ภรรยาของนายอนุชิต หรือแป๊ะตี๋ ให้การว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาหลังจากปิดห้าง ตนได้ขึ้นไปนอนในห้องชั้น 3 เมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้าพบว่าข้าวของถูกรื้อค้นกระจุยกระจายและประตูหลังถูกงัด จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะรู้ความเคลื่อนไหวของทางห้างเทปมิวสิคเป็นอย่างดีว่าในตอนกลางคืนจะไม่มีใครอยู่ในชั้นล่างและชั้น 2 มีเพียงนางอมรรัตน์ ภรรยาของ นายอนุชิต นอนในห้องชั้น 3 จึงสะดวกที่จะปฏิบัติการงัดแงะเข้าไปโจรกรรมทรัพย์สิน โดยอาจจะมีพนักงานภายในห้างหรือพนักงานเก่าที่ออกไปแล้วร่วมขบวนการด้วย
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุพร้อมเก็บร่องรอยลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายเพื่อตรวจสอบติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
