นครศรีธรรมราช - ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมด้วย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช เดินทางเข้ามอบตัวที่ศาลจังหวัดทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช คดีหมิ่นประมาท ที่นายวิฑูรย์ เดชเดโช นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นโจทก็ยื่นฟ้องหลังจากมอบตัวแล้วได้ใช้เงินสดประกันตัวคนละ 50,000 บาท ย้ำทำไปตามหน้าที่ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งใคร
วันนี้ (27 ต.ค.) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช เดินทางเข้ามอบตัวที่ศาลจังหวัดทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช คดีหมิ่นประมาท ที่นายวิฑูรย์ เดชเดโช นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นโจทก็ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.ภ.8 เป็นจำเลยที่ 1 และ พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.จว.นศ เป็นจำเลยที่ 2 ตามคดีหมายเลขดำที่ 35/2552 ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2552 ข้อหา หมิ่นประมาท ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก็นำสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีของโจทก์มีมูลตามประมวลกฎหมายอาญา ม.326, 328 ประกอบ ม.83 ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
หลังจากการมอบต่อศาลจังหวัดทุ่งสงเรียบร้อยแล้ว พล.ต.ท.สัญฐาน กับ พล.ต.ต.สราวุธ จำเลยทั้งสองจะทำการขอประกันตัว โดยใช้เงินสดประกันตัวคนละ 50,000 บาท โดย พล.ต.ท.สัณฐาน ได้ขึ้นรถออกจากอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่ พล.ต.ต.สราวุธ กล่าวว่า ตนพร้อมด้วยท่านผู้บัญชาการ ภาค 8 เดินทางไปมอบตัวที่ศาลจังหวัดทุ่งสง ซึ่งตนยังคงยืนยันว่าการบุกตรวจค้นจับกุมอาวุธปืนนายวิฑูรย์ เดชเดโช นายก อบจ.นครศรีธรรมราช พร้อมพวกเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2551 นั้นตนและผู้บัญชาการภาค 8 ทำไปตามหน้าไม่ได้มีการกลั่นแกล้งใคร โดยชีวิตการทำงานตรงตามหน้าที่ไม่มีนอกมีใน และตนไม่เคยกลัวการขึ้นโรงขึ้นศาลในเมื่อทุกอย่างเป็นความจริง ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิที่จะคิดและทำตามที่เจ้าตัวต้องการหากเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องก็สามารถฟ้องร้องได้ตามกฎหมาย
“ผมได้รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ไว้แล้ว เพื่อหักล้างกับข้อมูลของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งนำข้อมูลที่จะใช้ชี้แจงในศาลและจะทำให้รู้กันว่าใครแกล้งใคร แต่ตนและผู้บัญชาการพร้อมชี้แจงเสมอพวกเราไม่ได้ทำผิดอะไร ตำรวจเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะชนได้ตลอดเวลา เราพร้อมที่จะให้สาธารณะชนตรวจสอบพวกเราได้ หากเราผิดเราพร้อมที่จะรับโทษ “
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวอีกว่า คนทั่วไปอาจจะมองว่าตำรวจปฏิบัติหน้าที่แล้วต้องถูกฟ้องขึ้นศาลจะทำให้หมดกำลังใจนั้น ตนขอเรียนว่าเป็นข้าราชการไทย ต้องทำเพื่อคนไทย เหตุการณ์นี้จะไม่ทำให้ตนและผู้บัญชาการภาค 8 หมดกำลังใจอย่างแน่นอน ตนพร้อมที่จะก้าวเดินต่อไป และพร้อมที่จะแก้ปัญหาเพื่อคนนครศรีธรรมราช ซึ่งตนพูดเสมอว่านครศรีธรรมราชเป็นเมืองใหญ่ คดีต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ผู้คนที่เดือดร้อนและไม่ได้รับความยุติธรรมกำลังรอการช่วยเหลือจากตนและตำรวจ โดยตนจะพิสูจน์ให้เห็นว่าคนที่ทำผิดจะอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้ เมืองนครศรีธรรมราชจะได้สงบเสียที
วันนี้ (27 ต.ค.) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช เดินทางเข้ามอบตัวที่ศาลจังหวัดทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช คดีหมิ่นประมาท ที่นายวิฑูรย์ เดชเดโช นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นโจทก็ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.ภ.8 เป็นจำเลยที่ 1 และ พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.จว.นศ เป็นจำเลยที่ 2 ตามคดีหมายเลขดำที่ 35/2552 ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2552 ข้อหา หมิ่นประมาท ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก็นำสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีของโจทก์มีมูลตามประมวลกฎหมายอาญา ม.326, 328 ประกอบ ม.83 ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
หลังจากการมอบต่อศาลจังหวัดทุ่งสงเรียบร้อยแล้ว พล.ต.ท.สัญฐาน กับ พล.ต.ต.สราวุธ จำเลยทั้งสองจะทำการขอประกันตัว โดยใช้เงินสดประกันตัวคนละ 50,000 บาท โดย พล.ต.ท.สัณฐาน ได้ขึ้นรถออกจากอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่ พล.ต.ต.สราวุธ กล่าวว่า ตนพร้อมด้วยท่านผู้บัญชาการ ภาค 8 เดินทางไปมอบตัวที่ศาลจังหวัดทุ่งสง ซึ่งตนยังคงยืนยันว่าการบุกตรวจค้นจับกุมอาวุธปืนนายวิฑูรย์ เดชเดโช นายก อบจ.นครศรีธรรมราช พร้อมพวกเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2551 นั้นตนและผู้บัญชาการภาค 8 ทำไปตามหน้าไม่ได้มีการกลั่นแกล้งใคร โดยชีวิตการทำงานตรงตามหน้าที่ไม่มีนอกมีใน และตนไม่เคยกลัวการขึ้นโรงขึ้นศาลในเมื่อทุกอย่างเป็นความจริง ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิที่จะคิดและทำตามที่เจ้าตัวต้องการหากเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องก็สามารถฟ้องร้องได้ตามกฎหมาย
“ผมได้รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ไว้แล้ว เพื่อหักล้างกับข้อมูลของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งนำข้อมูลที่จะใช้ชี้แจงในศาลและจะทำให้รู้กันว่าใครแกล้งใคร แต่ตนและผู้บัญชาการพร้อมชี้แจงเสมอพวกเราไม่ได้ทำผิดอะไร ตำรวจเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะชนได้ตลอดเวลา เราพร้อมที่จะให้สาธารณะชนตรวจสอบพวกเราได้ หากเราผิดเราพร้อมที่จะรับโทษ “
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวอีกว่า คนทั่วไปอาจจะมองว่าตำรวจปฏิบัติหน้าที่แล้วต้องถูกฟ้องขึ้นศาลจะทำให้หมดกำลังใจนั้น ตนขอเรียนว่าเป็นข้าราชการไทย ต้องทำเพื่อคนไทย เหตุการณ์นี้จะไม่ทำให้ตนและผู้บัญชาการภาค 8 หมดกำลังใจอย่างแน่นอน ตนพร้อมที่จะก้าวเดินต่อไป และพร้อมที่จะแก้ปัญหาเพื่อคนนครศรีธรรมราช ซึ่งตนพูดเสมอว่านครศรีธรรมราชเป็นเมืองใหญ่ คดีต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ผู้คนที่เดือดร้อนและไม่ได้รับความยุติธรรมกำลังรอการช่วยเหลือจากตนและตำรวจ โดยตนจะพิสูจน์ให้เห็นว่าคนที่ทำผิดจะอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้ เมืองนครศรีธรรมราชจะได้สงบเสียที