ศูนย์ข่าวภูเก็ต - จังหวัดภูเก็ตเดินหน้าจัดระเบียบหอพักตามโครงการหอพักสีขาว ดันให้ได้มาตรฐานตามพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ.2507 กำหนด เผยมีหอพักกว่า 200 แห่ง แต่ขึ้นทะเบียนแค่ 51 แห่ง ผ่านมาตรฐานแค่ 7 แห่งเท่านั้น
วันนี้ (23 ก.ย.) ที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายตรี อัครเดชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการสัมมนา “โครงการหอพักสีขาว” และมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้กับหอพักที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานโครงการหอพักสีขาว ซึ่งจัดโดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยมีเจ้าของหอพัก ผู้จัดการหอพัก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการให้ความรู้และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการหอพักเชิงพาณิชย์ได้รับทราบถึงแนวทางปฎิบัติที่ชัดเจนในการประกอบการหอพัก ในการแสวงหาความร่วมมือในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการมั่วสุมของเยาวชนในหอพักต่อไป
น.ส.พรรณี สิทธิการ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การดำเนินโครงการหอพักสีขาวนั้นเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของจังหวัดภูเก็ตในการแก้ไขปัญหาและป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหอพักเชิงพาณิชย์ ซึ่งมีผู้เช่าอาศัยส่วนมากเป็นเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ที่เข้ามาศึกษาในจังหวัดภูเก็ต จึงได้จัดโครงการหอพักสีขาวขึ้น ซึ่งในปีงบประมาณ 2552 นี้ มีหอพักที่เข้าประกวดหอพักมาตรฐานสีขาวทั้งหมด 15 แห่ง ปรากฏว่ามีหอพักที่ผ่านมาตรฐานที่กำหนด 7 แห่ง ประกอบด้วย หอพักหญิงโรงเรียนภูเก็ตเทคโนโลยี, หอพักหญิงพี ที, หอพักหญิงฮาซานะห์, หอพักหญิงสุมิตรา, หอพักหญิงพนิตา, หอพักหญิงณรงค์ฤทธิ์ ธนัตถ์ชา และหอพักหญิงพี & วาย
โดยหอพักหญิงทั้งหมดที่ผ่านมาตรฐานตามโครงการหอพักสีขาวนั้น จะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ.2507 ทุกประการ เช่น ต้องขึ้นป้ายให้แยกประเภทให้ทราบว่าเป็นหอพักหญิงหรือหอพักชาย จัดให้มีห้องน้ำ ห้องอาหาร สมุดลงทะเบียนผู้เข้าพัก ที่รายละเอียดของผู้ปกครอง มีสุขาอนามัยที่ดี ห้องพักแขกและทีวี พร้อมมีป้ายประกาศต่อต้านยาเสพติด เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม จากการที่ทางสำนักงานพัฒนาสังคมฯได้ประสานกับทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการสำรวจหอพักทั้งหมดในพื้นที่นั้น ข้อมูลที่ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่งเข้ามายังสำนักงานพัฒนาสังคมฯมีกว่า 1,000 แห่งในภูเก็ตที่เป็นในลักษณะของการให้เด็กและเยาวชนเช่าเพื่ออยู่อาศัย และทางสำนักงานพัฒนาสังคมฯได้มีการแยกประเภทให้ชัดเจนว่าเป็นหอพักหรือไม่ ปรากฏว่าที่น่าจะเข้าข่ายเป็นหอพักมีประมาณ 200 แห่ง แต่ที่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ.2507 นั้น ขณะนี้มีเพียง 51 แห่งเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่ต่ำเมื่อเทียบกับจำนวนหอพักที่มีอยู่ในภูเก็ต
ทั้งนี้ เนื่องจากการที่จะจดทะเบียนเป็นหอพักนั้น เจ้าของหอพักจะต้องปฎิบัติตามพระราชบัญญัติหอพัก เช่น การแยกประเภทของหอพักหากเป็นหอพักหญิงก็ไม่สามารถที่จะเปิดให้ผู้ชายเข้าพักได้ ทำให้เจ้าของหอพักเสียผลประโยชน์เพราะในการลงทุนสร้างหอพักนั้นผู้ประกอบการต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 20-30 ล้านบาท
แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของหอพักที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนนั้นได้ขอความร่วมมือในการไม่ให้มีการมั่วสุมเรื่องเพศและยาเสพติด ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากเจ้าของหอพักเป็นอย่างดี