ยะลา - ชาวไทยมุสลิมในจังหวัดยะลาร่วมพิธีละหมาดตรุษอิดิ้ลฟิตรี ประจำปี 2552 พร้อมจับมือขออภัยซึ่งกันและกัน หากมีสิ่งใดที่ได้เกินล้วงทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจในรอบปีที่ผ่านมา และฟังการบรรยายธรรมหัวข้อ “การเชื่อมั่นและปฏิบัติตนที่ดีต่ออัลเลาะห์และมนุษยชาติร่วมโลก”
วันนี้ (20 ก.ย.) ชาวไทยมุสลิมในจังหวัดยะลา ร่วมกันทำพิธีละหมาดวันตรุษอิดิ้ลฟิตรี หรือวันรายอฟิตเราะห์ ประจำปี 2552 หรือปี ฮิจเราะห์ 1430 อย่างเนื่องแน่นทุกมัสยิดในพื้นที่ทุกหมู่บ้านตำบลของจังหวัดยะลาและจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะเริ่มเดินทางไปยังมัสยิดตั้งแต่ช่วงเวลา 07.00 น. ซึ่งก่อนจะเข้าพิธีละหมาดในเวลา 08.00 น.ได้มีการจับมือและกอดกันขออภัยในสิ่งที่ได้ล่วงเกิน ทั้งวาจา กายและใจ ซึ่งกันและกัน ในรอบปีที่ผ่านมา เนื่องจากในวันนี้ หากมีการขออภัยซึ่งกันและกันพระผู้เป็นเจ้าจะประทานอภัยให้ทั้งหมด
ขณะที่บริเวณมัสยิดบ้านหัวสะพาน สะเตง ในเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งเป็นย่านที่มีบ้านพักข้าราชการในทุกสาขาอาชีพ ต่างได้เดินทางไปร่วมพิธีละหมาดอย่างพร้อมเพรียงกัน พร้อมกับมีการจับมือขออภัยซึ่งกันและกันกับประชาชนโดยทั่วไปอย่างไม่มีการแบ่งชนชั้น ไม่ว่าจะจน หรือรวย หรือมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่มีเกียรติยศสูงก็ตาม เพราะมุสลิม ห้ามให้มีการแบ่งชนชั้นวรรณะอย่างเด็ดขาด
สำหรับการอ่านบรรยายธรรมหลังการละหมาดในปีนี้ ได้กำหนดหัวข้อ “การเชื่อมั่นและปฏิบัติตนที่ดีต่ออัลเลาะห์และมนุษยชาติร่วมโลก” ให้ทุกคนได้ปฏิบัติตนในหลักการของศาสนาที่ถูกต้องอย่างเคร่งครัด และให้ทุกคนขอพรต่อพระผู้เป็นเจ้าเพื่อของอภัยในความผิดบาปกรรมที่ได้กระทำการในรอบปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ให้มีการสั่งสอนบุตรหลานได้ศึกษาหาความรู้ในหลักการศาสนาอิสลามเพื่อเป็นมุสลิมที่ดีและได้ปฏิบัติตามหลักการอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการเตรียมตัวไปสู่การพบอัลเลาะห์ในภายภพหน้า
วันนี้ (20 ก.ย.) ชาวไทยมุสลิมในจังหวัดยะลา ร่วมกันทำพิธีละหมาดวันตรุษอิดิ้ลฟิตรี หรือวันรายอฟิตเราะห์ ประจำปี 2552 หรือปี ฮิจเราะห์ 1430 อย่างเนื่องแน่นทุกมัสยิดในพื้นที่ทุกหมู่บ้านตำบลของจังหวัดยะลาและจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะเริ่มเดินทางไปยังมัสยิดตั้งแต่ช่วงเวลา 07.00 น. ซึ่งก่อนจะเข้าพิธีละหมาดในเวลา 08.00 น.ได้มีการจับมือและกอดกันขออภัยในสิ่งที่ได้ล่วงเกิน ทั้งวาจา กายและใจ ซึ่งกันและกัน ในรอบปีที่ผ่านมา เนื่องจากในวันนี้ หากมีการขออภัยซึ่งกันและกันพระผู้เป็นเจ้าจะประทานอภัยให้ทั้งหมด
ขณะที่บริเวณมัสยิดบ้านหัวสะพาน สะเตง ในเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งเป็นย่านที่มีบ้านพักข้าราชการในทุกสาขาอาชีพ ต่างได้เดินทางไปร่วมพิธีละหมาดอย่างพร้อมเพรียงกัน พร้อมกับมีการจับมือขออภัยซึ่งกันและกันกับประชาชนโดยทั่วไปอย่างไม่มีการแบ่งชนชั้น ไม่ว่าจะจน หรือรวย หรือมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่มีเกียรติยศสูงก็ตาม เพราะมุสลิม ห้ามให้มีการแบ่งชนชั้นวรรณะอย่างเด็ดขาด
สำหรับการอ่านบรรยายธรรมหลังการละหมาดในปีนี้ ได้กำหนดหัวข้อ “การเชื่อมั่นและปฏิบัติตนที่ดีต่ออัลเลาะห์และมนุษยชาติร่วมโลก” ให้ทุกคนได้ปฏิบัติตนในหลักการของศาสนาที่ถูกต้องอย่างเคร่งครัด และให้ทุกคนขอพรต่อพระผู้เป็นเจ้าเพื่อของอภัยในความผิดบาปกรรมที่ได้กระทำการในรอบปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ให้มีการสั่งสอนบุตรหลานได้ศึกษาหาความรู้ในหลักการศาสนาอิสลามเพื่อเป็นมุสลิมที่ดีและได้ปฏิบัติตามหลักการอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการเตรียมตัวไปสู่การพบอัลเลาะห์ในภายภพหน้า