ศูนย์ข่าวภูเก็ต-บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม สาขาสุราษฎร์ธานีเผยค้ำประกันสินเชื่อให้ธุรกิจตั้งแต่ม.ค.-ส.ค.ได้แค่ 200 ล้านบาท เป็นยอดที่ต่ำมากเทียบกับช่วงที่เศรษฐกิจเติบโต เหตุจากธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ และการลงทุนค่อนข้างซบเซาจากปัญหาเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว
นายสุทธิเดช ช่วยคล้าย ผู้ช่วยผู้จัดการ สำนักงานสุราษฎร์ธานี บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยถึงการค้ำประกันสินเชื่อให้กับธุรกิจขนาดย่อม ว่า บสย.สาขาสุราษฎร์ธานี ซึ่งรับผิดชอบในการค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนที่มีสินทรัพย์ไม่เพียงพอกับวงเงินสินเชื่อ ที่ได้ยื่นขอกับธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารของรัฐ ได้เข้าไปค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการขนาดย่อมในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2552 จำนวน 35 ราย วงเงินค้ำประกันอยู่ที่ 200 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นวงเงินค้ำประกันที่ค่อนข้างจะต่ำมาก หากเทียบกับช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจไม่มีปัญหาการชะลอตัวอย่างในปัจจุบัน
ทั้งนี้เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ธนาคารพาณิชย์ค่อนข้างที่จะเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการขนาดย่อมในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน รวมการลงทุนในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนก็มีการชะลอตัวด้วยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เมื่อธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประการ บสย.ก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปค้ำประกันให้ผู้ประกอบการได้ ซึ่งในส่วนของบสย.นั้นพร้อมที่จะเข้าไปค้ำประกันให้ภายใน 3 วัน
สำหรับผู้ประกอบการที่บสย.เข้าไปค้ำประกันสินเชื่อ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้ประกอบการด้านโรงงานอุตสาหกรรมทั้ง อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร การแปรรูปอาหารทะเล ค้าส่งค้าปลีก ส่งออกอาหารทะเลแปรรูป ซึ่งส่วนใหญ่วงเงินจะอยู่ที่ 3-5 ล้านบาท แต่ก็มีรายใหญ่ที่วงเงิน 20 ล้านบาทอยู่หลายรายเช่นกัน เช่น โรงงานน้ำมันปาล์ม โรงงานผลิตน้ำปลา ที่สุราษฎร์ธานีและชุมพร ส่วนธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยวนั้นมีน้อยมาก
นายสุทธิเดช กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายหลังจากที่รัฐบาลได้ออกนโยบายให้ธนาคารของรัฐปล่อยเงินกู้แบบฟาสเท็กให้กับผู้ประกอบการ โดยให้ธนาคารของรัฐปล่อยสินเชื่อเฉพาะกิจภายใน 7-20 วัน น่าที่จะส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ผ่อนคลายเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อกับผู้ประกอบการลงบ้าง รวมทั้งขณะนี้บสย.มีนโยบายที่จะขยายวงเงินค้ำประกันจาก 20 ล้านเป็น 40 ล้านบาท และยกเว้นค่าธรรมเนียมปีแรก ซึ่งกำลังรอเข้าครม.เพื่อขอความเห็นชอบ จะทำให้การค้ำประกันสินเชื่อโดยภาพรวมของบสย.เพิ่มมากขึ้น
นายสุทธิเดช ช่วยคล้าย ผู้ช่วยผู้จัดการ สำนักงานสุราษฎร์ธานี บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยถึงการค้ำประกันสินเชื่อให้กับธุรกิจขนาดย่อม ว่า บสย.สาขาสุราษฎร์ธานี ซึ่งรับผิดชอบในการค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนที่มีสินทรัพย์ไม่เพียงพอกับวงเงินสินเชื่อ ที่ได้ยื่นขอกับธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารของรัฐ ได้เข้าไปค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการขนาดย่อมในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2552 จำนวน 35 ราย วงเงินค้ำประกันอยู่ที่ 200 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นวงเงินค้ำประกันที่ค่อนข้างจะต่ำมาก หากเทียบกับช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจไม่มีปัญหาการชะลอตัวอย่างในปัจจุบัน
ทั้งนี้เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ธนาคารพาณิชย์ค่อนข้างที่จะเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการขนาดย่อมในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน รวมการลงทุนในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนก็มีการชะลอตัวด้วยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เมื่อธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประการ บสย.ก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปค้ำประกันให้ผู้ประกอบการได้ ซึ่งในส่วนของบสย.นั้นพร้อมที่จะเข้าไปค้ำประกันให้ภายใน 3 วัน
สำหรับผู้ประกอบการที่บสย.เข้าไปค้ำประกันสินเชื่อ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้ประกอบการด้านโรงงานอุตสาหกรรมทั้ง อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร การแปรรูปอาหารทะเล ค้าส่งค้าปลีก ส่งออกอาหารทะเลแปรรูป ซึ่งส่วนใหญ่วงเงินจะอยู่ที่ 3-5 ล้านบาท แต่ก็มีรายใหญ่ที่วงเงิน 20 ล้านบาทอยู่หลายรายเช่นกัน เช่น โรงงานน้ำมันปาล์ม โรงงานผลิตน้ำปลา ที่สุราษฎร์ธานีและชุมพร ส่วนธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยวนั้นมีน้อยมาก
นายสุทธิเดช กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายหลังจากที่รัฐบาลได้ออกนโยบายให้ธนาคารของรัฐปล่อยเงินกู้แบบฟาสเท็กให้กับผู้ประกอบการ โดยให้ธนาคารของรัฐปล่อยสินเชื่อเฉพาะกิจภายใน 7-20 วัน น่าที่จะส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ผ่อนคลายเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อกับผู้ประกอบการลงบ้าง รวมทั้งขณะนี้บสย.มีนโยบายที่จะขยายวงเงินค้ำประกันจาก 20 ล้านเป็น 40 ล้านบาท และยกเว้นค่าธรรมเนียมปีแรก ซึ่งกำลังรอเข้าครม.เพื่อขอความเห็นชอบ จะทำให้การค้ำประกันสินเชื่อโดยภาพรวมของบสย.เพิ่มมากขึ้น