กระบี่- โค้งสุดท้าย เลือก นายก และ ส.อบต.กกต.กระบี่ ลับเขี้ยวชุดสืบสวนป้องปราม จับตาผู้สมัคร 23 แห่ง หลังส่งกลิ่นไม่ค่อยดี มีกระแสข่าวซื้อขายเสียง รายละ 1,500-2,000 บาท
วันนี้ (27 ส.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.ประจักษ์ มุสิกสุคนธ์ กกต.จังหวัดกระบี่ เป็นประธานการประชุมชุดสืบสวนป้องปราม และหาข่าวในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น (ส.อบต.) และผู้บริหารท้องถิ่น (นายก อบต.) ที่หมดวาระ จำนวน 23 อบต.ในพื้นที่จังหวัดกระบี่และจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 6 กันยายน 2552 นี้ โดยมี นายโชคชัย ผลวัฒนะ ผอ.สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดกระบี่ พ.ต.อ.สุวรรณ ลีลาภรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.กระบี่ เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้
พล.ต.ต.ประจักษ์ มุสิกสุคนธ์ กกต.จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า การเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ทั้งในระดับชาติ และท้องถิ่น จากสถิติที่ผ่านมา พบว่า มีการแข่งขันกันรุนแรงน้อยมาก เนื่องจากผู้ที่ลงสมัครส่วนใหญ่ โดยเฉพาะการเมืองท้องถิ่น
ส่วนใหญ่คู่แข่งก็จะเป็นเครือญาติที่ใกล้ชิดกัน และทาง กกต.กระบี่ เอง ก็ได้ลงทุกพื้นที่ ทุกอำเภอ ที่มีการเลือกตั้ง อบต.ทำโครงการสมานฉันท์ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากผู้สมัครทุกคนด้วยดี ส่วนการซื้อสิทธิ์ขายเสียงก็ยังมีอยู่บ้าง แต่ยอมรับว่ายากที่จะหาผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย
ด้าน พ.ต.อ.สุวรรณ ลีลาภรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.กระบี่ กล่าวว่า จากการสืบสวนหาข่าวของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนช่วงใกล้เลือกตั้ง พบว่า ในหลายพื้นที่เริ่มมีการซื้อเสียงกัน และแพงมากด้วย ทราบว่าบางพื้นที่มีการซื้อเสียงหัวละ 1,500-2,000 บาท
ซึ่งสาเหตุเนื่องมาจากการแพ้ชนะของผู้สมัครแต่ละรายนั้นห่างกันเพียงไม่กี่คะแนนเท่านั้น ผู้สมัครจึงยอมกล้าที่จะลงทุน แต่จะเอาผิดมาลงโทษนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ก็ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ทำหน้าที่ด้วยความเที่ยงตรง ไม่ตามหลังนักการเมือง
วันนี้ (27 ส.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.ประจักษ์ มุสิกสุคนธ์ กกต.จังหวัดกระบี่ เป็นประธานการประชุมชุดสืบสวนป้องปราม และหาข่าวในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น (ส.อบต.) และผู้บริหารท้องถิ่น (นายก อบต.) ที่หมดวาระ จำนวน 23 อบต.ในพื้นที่จังหวัดกระบี่และจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 6 กันยายน 2552 นี้ โดยมี นายโชคชัย ผลวัฒนะ ผอ.สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดกระบี่ พ.ต.อ.สุวรรณ ลีลาภรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.กระบี่ เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้
พล.ต.ต.ประจักษ์ มุสิกสุคนธ์ กกต.จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า การเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ทั้งในระดับชาติ และท้องถิ่น จากสถิติที่ผ่านมา พบว่า มีการแข่งขันกันรุนแรงน้อยมาก เนื่องจากผู้ที่ลงสมัครส่วนใหญ่ โดยเฉพาะการเมืองท้องถิ่น
ส่วนใหญ่คู่แข่งก็จะเป็นเครือญาติที่ใกล้ชิดกัน และทาง กกต.กระบี่ เอง ก็ได้ลงทุกพื้นที่ ทุกอำเภอ ที่มีการเลือกตั้ง อบต.ทำโครงการสมานฉันท์ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากผู้สมัครทุกคนด้วยดี ส่วนการซื้อสิทธิ์ขายเสียงก็ยังมีอยู่บ้าง แต่ยอมรับว่ายากที่จะหาผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย
ด้าน พ.ต.อ.สุวรรณ ลีลาภรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.กระบี่ กล่าวว่า จากการสืบสวนหาข่าวของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนช่วงใกล้เลือกตั้ง พบว่า ในหลายพื้นที่เริ่มมีการซื้อเสียงกัน และแพงมากด้วย ทราบว่าบางพื้นที่มีการซื้อเสียงหัวละ 1,500-2,000 บาท
ซึ่งสาเหตุเนื่องมาจากการแพ้ชนะของผู้สมัครแต่ละรายนั้นห่างกันเพียงไม่กี่คะแนนเท่านั้น ผู้สมัครจึงยอมกล้าที่จะลงทุน แต่จะเอาผิดมาลงโทษนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ก็ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ทำหน้าที่ด้วยความเที่ยงตรง ไม่ตามหลังนักการเมือง