ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - แกนนำเสื้อแดงภาคใต้ปากกล้าขาสั่น ยกเลิกนักรวมพลและจัดขบวนแห่ไว้อาลัยวันเกิด “ป๋าเปรม” ที่ลานประวัติศาสตร์ สถานีรถไฟหาดใหญ่ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์กของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริงของชาวสงขลา แก้เกี้ยวมติที่ประชุมที่เพิ่งคลอดเพียงข้ามคืน อ้างเพื่อลดการเผชิญหน้า แต่ยังนัดรวมพลแต่งดำเรียกคะแนนจาก “พ่อแม้ว” และสังสรรค์กันเองภายในบ้านแกนนำ
ความเคลื่อนไหวของกลุ่มเครือข่ายคนเสื้อแดงในภาคใต้ หลังจากที่ได้นัดรวมพลังเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ โดยแต่งชุดดำและจัดขบวนรถแห่ไปรอบเมืองหาดใหญ่เพื่อไว้อาลัย พล.ต.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เนื่องในวันคล้ายวันเกิด และเผาหุ่นของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ล้มเหลวในการบริการและแก้ปัญหาของชาติ
ล่าสุด นางนิษิฎภัทร์ ณ นคร หนึ่งแกนนำสมาพันธ์ประชาธิปไตยภาคใต้ เปิดเผยว่า กิจกรรมในวันที่ 26 สิงหาคมยังมีเหมือนเดิม แต่ทางสมาพันธ์ประชาธิปไตยภาคใต้ได้ยกเลิกการรวมตัวที่หน้าสถานีรถไฟหาดใหญ่และการเคลื่อนขบวนแห่ไปรอบๆ ตัวเมืองหาดใหญ่ ทั้งนี้ เพื่อลดการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงกับฝ่ายตรงข้าม ซึ่งอาจจะเกิดเหตุการณ์เผชิญหน้า การปะทะหรือความวุ่นวายจากมือที่ 3 และผู้ที่ไม่พอใจที่ต้องการสร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้น แม้กลุ่มเสื้อแดงจะเคลื่อนไหวชุมนุมอย่างสงบก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีกิจกรรมเกิดขึ้นแต่จะเปลี่ยนมาเป็นการรวมตัวร่วมดื่มน้ำชาที่บ้านของแกนนำแทน โดยยังคงมีการแต่งชุดดำ การวางพวงหรีดเพื่อไว้อาลัย พล.อ.เปรม และการโชว์แผ่นป้ายประจานความล้มเหลวในการแก้ปัญหาประเทศของรัฐบาลเช่นเดิม
สำหรับพื้นที่ลานประวัติศาสตร์ สถานีรถไฟหาดใหญ่ เป็นพื้นที่ของการรถไฟ ถือเป็นพื้นที่สาธารณะอันเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ของประชาชนที่รวมตัวกันเฉพาะกิจ เพื่อต่อสู้เรียกหาความยุติธรรมจากรัฐบาลที่ใช้อำนาจโดยมิชอบมาตั้งแต่สมัยเหตุการณ์ 14 ตุลา เป็นต้นมา
จนกระทั่งถึงการโค่นล้มระบอบทักษิณและนอมินี โดยมีประชาชนทุกชนชั้น ทั้งข้าราชการ พนักงานเอกชน รัฐวิสาหกิจ พ่อค้าแม่ขาย นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปมาร่วมปักหลักชุมนุมกว่า 193 วันควบคู่กับการชุมนุมที่ส่วนกลาง แม้หลังจากผ่านพ้นการชุมนุมแล้วก็ยังใช้เป็นเวทีสาธารณะเป็นครั้งคราว เพื่อเสวนาในเรื่องที่เป็นประเด็นสังคม เช่น นโยบายตัดตอนให้บริษัทเอกชนเข้ามารับช่วงผลิตน้ำประปา ซึ่งถือว่า อ.หาดใหญ่ เป็นหนึ่งในสามแห่งที่เริ่มนำประเด็นนี้เปิดให้สังคมรับทราบ จนนำไปสู่การชะลอโครงการดังกล่าวในที่สุด
