xs
xsm
sm
md
lg

แฉสภายกเขาพระวิหารให้เขมรสมัยรบ.สมชาย -28 ส.ค.หมกเม็ดผ่านสภาอีกรอบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วีระ สมความคิด แฉสภายกเขาพระวิหารให้เขมร 28 ส.ค.นี้ หมกเม็ดผ่านสภาอีกรอบ
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – “วีระ สมความคิด” ล้อมวงแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับพี่น้องพันธมิตรฯ สงขลา เปิดข้อมูลใหม่ชี้ชัดช่วง “รัฐบาลน้องเขยแม้ว” สภาผ่านมติทำให้ไทยเสียดินแดนเขาพระวิหาร 4.6 ตร.กม.ให้เขมรเรียบร้อยแล้ว แฉแม้ “รัฐบาลมาร์ค” ก็จะมีการนำเรื่องนี้หมกเม็ดเข้าสภาอีกรอบศุกร์ที่ 28 ส.ค. เผยนัดแนะทีม “ม.ล.วรรณวิภา-เทพมนตรี” อังคาร 25 ส.ค.ตรวจสอบเอกสาร ปลุกใจพันธมิตรฯ ให้พร้อมลุกขึ้นทวงคืนอธิปไตยของไทยด้วยพลังของประชาชนเอง


ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น (คปต.) ได้รับเชิญเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษเรื่องการต่อต้านคอรัปชั่นจากคณะวิทยาการจัดการ (วจก.) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ (มอ.หาดใหญ่) พร้อมมีภารกิจในการตรวจสอบการทุจริตในโครงการของรัฐในพื้นที่ จ.สงขลาและ จ.พัทลุง และมีโอกาสมาพบปะกับพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดสงขลา ณ ห้องแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของวิทยาลัยวันศุกร์ วิทยาลัยแห่งการเรียนรู้ร่วมกันที่นักเรียนทุกคนเป็นครูได้ ซึ่งจัดขึ้นในห้องบรรยายของคณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มอ.หาดใหญ่

นายวีระ บอกเล่าให้พี่น้องพันธมิตรฯ สงขลาฟังว่า ตนเพิ่งได้รับข้อมูลใหม่ที่ยืนยันได้อย่างชัดเจนแล้วว่า ในเวลานี้ถือว่าประเทศไทยคงจะได้สูญเสียดินแดนบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร รวมเนื้อที่ประมาณ 4.6 ตารางกิโลเมตร ให้กับประเทศกัมพูชาไปแล้ว เนื่องจากมีเอกสารระบุชัดเจนว่า ในสมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้มีการนำเรื่องนี้เข้าสู่สภาและผ่านการพิจารณาอนุมัติไปแล้วด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการดำเนินงานที่ครบถ้วนกระบวนความทางกฎหมายเรียบร้อยแล้ว

“ไม่เพียงเท่านั้น มีข่าวค่อนข้างยืนยันแล้วว่า ในวันศุกร์ที่ 28 ส.ค.2552 ก็จะมีการบรรจุเรื่องเขาพระวิหารเข้าสู่สภาเพื่อขออนุมัติอีกครั้ง โดยจะเป็นการหมกเม็ดแบบยัดไส้ให้สภาพิจารณาแบบที่แล้วๆ มา เช่น อาจจะให้สภาพิจารณาเรื่องว่า ไทยเราควรจะเรียกว่าปราสาทเขาพระวิหารหรือพระวิเฮีย เป็นต้น อันจะเป็นการพิจารณาของสภาในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำในเวลานี้นั่นเอง ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจที่เวลานี้ความคิดเห็นของทั้งนายอภิสิทธิ์และพลพรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนไปมาก จากช่วงที่เป็นฝ้ายค้านหยิบเรื่องนี้มาเล่นงานรัฐบาลในระบอบทักษิณมาตลอด” นายวีระกล่าวและว่า

ตนได้นัดหมายกับคณะของ ม.ล.วรรณวิภา จรูญโรจน์ ผู้เชียวชาญจากนักวิจัยสถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ เพื่อตรวจสอบหลักฐานในเรื้องนี้ประมาณกลางสัปดาห์นี้ พร้อมกันนี้ก็จะตรวจสอบด้วยว่า สภาจะมีการบรรจุเรื่องเขาพระวิหารเข้าสู่วาระการประชุมในวันศุกร์ที่จะถึงด้วยหรือไม่ เพราะถ้าหากเรื่องนี้ผ่านมติของสภาอีกรอบ ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าทุกอย่างจะจบและจะทำให้ไทยสูญเสียอธิปไตยในดินแดนเขาพระวิหารให้กับเขมรแน่นอน

นายวีระ กล่าวว่า จากที่ตนไปนำเสนอติดตามเรื่องนี้มาต่อเนื่อง ทำให้มีข้อมูลยืนยันได้แล้วว่า ขณะนี้เขมรได้สร้างบ้านติดกับปราสาทเขาพระวิหารหมดแล้ว ทหารเขมรก็เต็มไปหมด แล้วรัฐบาลและรัฐสภาไทยจะปล่อยให้มีการหมกเม็ดนำเรื่องนี้เข้าเป็นวาระของการพิจารณาได้อย่างไร โดยคาดว่าประมาณวันอังคารที่ 25 ส.ค.นี้ก็จะรู้แน่ชัดว่าเรื่องนี้จะนำเข้าสภาในวันศุกร์ที่ 28 ส.ค.หรือไม่

“การที่เรื่องนี้ถูกนำเข้าสภาเป็นครั้งที่สอง หลังจากครั้งแรกเข้าไปเมื่อสมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ครั้งนี้เขาอ้างว่าเอาเข้าสภาเพื่อให้สภาพิจารณาว่า ปราสาทเขาพระวิหาร ควรเรียกชื่อเดิมอีกหรือไม่ หรือจะให้เรียกตามเขมรว่าเขาพระวิเฮีย แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่นั้น แต่เป็นการหมกเม็ดเพื่อนำเรื่องนี้เข้าสภาให้ได้ เพราะในร่างกฎหมายได้บรรจุไปด้วยว่า ดินแดนภูมะเขือ–ช่องตาเฒ่าคือ ดินแดนปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งหากเรื่องนี้ผ่านสภาก็จะต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ นั้นคือสิ่งที่รัฐบาลไปทำข้อตกลงไว้ การที่พรรคประชาธิปัตย์เข้ามาบริหารประเทศมาเป็นรัฐบาลเวลานี้ ผมคิดว่ากลายเป็นการฟื้นระบบทักษิณกลับคืนมาอย่างเห็นได้ชัด”

อย่างไรก็ตาม นายวีระประเมินเรื่องนี้ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีทราบเรื่องนี้ดี แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมการเคลื่อนไหวในเกมการเมืองถึงจำยอม ขณะที่นายกษิต ภิรมณ์ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศก็เช่นเดียวกัน พฤติกรรมต่อเรื่องนี้ได้เปลี่ยนไปเมื่อตอนที่เคยร่วมเคลื่อนไหวกับพันธมิตรฯ อย่างเห็นได้ชัด จึงคิดว่าต้องมีข้อมูลอะไรสักอย่างจึงทำให้ทุกคนหยุด เหมือนกับว่าใครเข้าไปแล้วรู้ความจริงอะไรบางอย่างจึงต้องยอม แต่พวกเรายังไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ซึ่งก็ต้องเป็นเรื่องใหม่มากๆ ถึงกับทำให้ทั้ง 2 บุคคลเปลี่ยนไปได้แบบหน้ามือเป็นหลังมือ

ในส่วนของผู้นำกองทัพไทย ส่วนใหญ่ก็เคยไปหาผลประโยชน์กับกัมพูชามาตลอด แถมผู้นำของเรามักจะก็เล่นละครตบตาประชาชนมาโดยตลอด อย่างสมัยนักโทษหนีคุกทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ ก็เคยเล่นละครที่มีการเผาสถานทูตไทยในกัมพูชา โดยเอาผลประโยชน์ของชาติไทยไปสังเวยกว่า 2 พันล้านบาท แล้วบทสรุปก็ทำให้นักโทษหนีคุกทักษิณกับนายฮุนเซน นายกฯ กัมพูชากลายเป็นฮีโร่ไปโดยปริยาย นอกจากนี้ก็ยังไม่อีกหลายๆ เรื่องที่ผู้นำของเราเล่นละครเพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัวเองหรือให้พวกพ้อง

“ผมเชื่อว่าทั้งหมดทั้งปวงแล้วคนไทยเองยังถูกปกปิด ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่แท้จริงได้ ต้องมีอะไรมากกว่านี้ ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อต้องการแลกกับผลประโยชน์ของพลังงานในทะเลกับเขาพระวิหารเพียงเท่านั้น ต้องมีอะไรที่มากกว่านี้อีกหลายร้อยเท่า จึงทำให้นายอภิสิทธิ์และพลพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนต้องเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเข้าไปเป็นรัฐบาล แต่ส่วนผมอยากจะมองในแง่ดีว่า นายอภิสิทธิ์และนายกษิตอาจจะถูกหลอกก็ได้ โดยได้ข้อมูลมาที่ไม่ถูกต้อง ที่สำคัญประชาชนอย่างพวกเราไม่รู้อะไรเลย”

นายวีระกล่าวด้วยว่า นอกจากปัญหากรณีเขาพระวิหารแล้ว ยังมีวิกฤตอีกมากมายที่กำลังรุนเร้าชาติบ้านเมืองเราอยู่ในเวลานี้ ซึ่งตอนที่มีการเปลี่ยนขั้วผู้กุมอำนาจรัฐ ประชาชนเคยหวังว่านายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์จะช่วยคลี่คลายวิกฤตต่างๆ ได้ แต่เวลานี้กับดูเหมือนว่ากลุ่มอำนาจใหม่ที่รวมตัวกันระหว่างบิ๊กสีเขียว สีกากีและกลุ่มก๊วนนักเลือกตั้งน้ำเน่าในระบบเก่าๆ ได้ทำการรัฐประหารเงียบผู้นำรัฐบาลไปแล้ว และมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่สังคมไทยจะเดินไปสู่ห้วงเหวแห่งสงครามกลางเมือง หรือตกสู่ห้วงกลียุคได้ในอีกไม่ช้านานนี้

“ผมอยากฝากพี่น้องเราว่า ในฐานะคนไทยต้องไม่ยอมจำนนในเรื่องนี้ เราต้องตื่นตัวและพร้อมที่จะหลอมรวมพลังเป็นหนึ่งเดียว วันหนึ่งภาคประชาชนอย่างพวกเราอาจจะต้องลุกขึ้นไปทวงถาม หรือไปเอาแผ่นดินเขาพระวิหารของเราคืนมา เราก็ต้องพร้อมร่วมมือรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว ผมเชื่อว่าเมื่อถึงวันนี้ทั้งรัฐบาลและทหารคงไม่ปล่อยให้ประชาชนลุกขึ้นสู้แต่เพียงเดียวดายแน่ๆ” นายวีระกล่าว
บรรยากาศพี่น้องพันธมิตรฯสงขลาร่วมรับฟัง วีระ แฉสภายกเขาพระวิหารให้เขมร 28 ส.ค.นี้ หมกเม็ดผ่านสภาอีกรอบ ท่วิทยาลัยวันศุกร์ ม.อ.หาดใหญ่
กำลังโหลดความคิดเห็น