นราธิวาส – เกิดเหตุไฟไหม้บ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนาโอน ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส วอดไป 2 หลัง เจ้าหน้าที่คาด เป็นการลอบวางเพลิงของกลุ่มสมาชิกแนวร่วมผู้ไม่หวังดี หลังประชาชนให้เบาะแส จนเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมแนวร่วม RKK
วันนี้ (18 ส.ค.) พ.ต.ท.จันที แจ่มจันทร์ หัวหน้ากองวิทยาการ จ.นราธิวาส พ.ต.ท.พชรพล ณ นคร รอง ผกก.ป. สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และ ร.ต.ท.อาทิตย์ เทียนศิริ พนักงานสอบสวน สภ.รือเสาะรวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมเดินทางไปตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้บ้านพักของนายดือเลาะ ต๊ะมูเซ๊ะ อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนาโอน ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายรือเสาะ-ศรีสาคร เลขที่ 93 ม.8 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ
เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบว่าบ้านไม้ยกพื้นชั้นเดียว จำนวน 2 หลัง ซึ่งปลูกติดกันยังมีไฟคุกรุนอยู่อีกจำนวนหลายจุด เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันดับไฟก่อนเข้าตรวจสอบ สภาพบ้านที่ถูกเพลิงไหม้ได้ความเสียหายทั้งหลัง
และจากการสอบสวน นายดือเลาะ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นผู้เสียหาย ทราบว่า ในขณะเกิดเหตุได้อาศัยนอนหลับที่บ้านพักอีกหลังหนึ่งกับภรรยาและลูก รวม 3 คน ก็ได้มีชาวบ้านที่อยู่ติดกันตะโกนบอกว่าไฟไหม้บ้าน จึงได้ตกใจตื่นพร้อมทั้งได้ปลุกภรรยาและลูก ช่วยกันขนข้าวของที่จำเป็นออกจากบ้านพัก ก่อนที่จะวิ่งไปดูบ้านพักที่ถูกเพลิงไหม้ และพบว่า ไฟกำลังลุกโชนอยู่ที่ห้องนอนของลูกเลี้ยงอีกคนคือ นายสะมะแอ หะแว อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นครูสอนศาสนาอยู่ที่โรงเรียนตาดีกาประจำมัสยิดบ้านนาโอน
และขณะเกิดเหตุนายสะมะแอ ไม่ได้กลับมานอนที่บ้านพัก จึงได้ร่วมกับเพื่อนบ้านช่วยกันดับไฟ ในระหว่างที่รอรถดับเพลิงจากหน่วยบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลรือเสาะ แต่ด้วยบ้านพักที่ปลูกสร้างด้วยไม้จึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ตนและเพื่อนบ้านไม่สามารถที่จะสกัดกั้นต้นเพลิงเอาไว้ได้ ไฟจึงไหม้บ้านพักได้รับความเสียหายทั้งหลังดังกล่าว
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการลอบวางเพลิง ของกลุ่มสมาชิกแนวร่วมผู้ไม่หวังดี เพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนที่ให้ความร่วมมือกับทางการ ในการแจ้งเบาะแสจับกุมตัวนายมะเยะ ซึ่งเป็นสมาชิกแนวร่วม RKK ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ในช่วงคืนที่ผ่านมา ขณะอยู่ในระหว่างหลบหนีคดีฆ่า 3 คนไทยพุทธเสียชีวิตที่ตลาดนัดวันอังคาร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2551 ที่ผ่านมา
เนื่องจากระหว่างเกิดเพลิงไหม้บ้านจุดเกิดเหตุไม่ได้มีการเปิดไฟฟ้าและเสียบปลั๊กไฟทิ้งไว้ แถมยังไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่เลย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดทิ้งประเด็นไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากรอผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กองวิทยาการสรุปอีกครั้งหนึ่ง
วันนี้ (18 ส.ค.) พ.ต.ท.จันที แจ่มจันทร์ หัวหน้ากองวิทยาการ จ.นราธิวาส พ.ต.ท.พชรพล ณ นคร รอง ผกก.ป. สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และ ร.ต.ท.อาทิตย์ เทียนศิริ พนักงานสอบสวน สภ.รือเสาะรวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมเดินทางไปตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้บ้านพักของนายดือเลาะ ต๊ะมูเซ๊ะ อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนาโอน ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายรือเสาะ-ศรีสาคร เลขที่ 93 ม.8 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ
เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบว่าบ้านไม้ยกพื้นชั้นเดียว จำนวน 2 หลัง ซึ่งปลูกติดกันยังมีไฟคุกรุนอยู่อีกจำนวนหลายจุด เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันดับไฟก่อนเข้าตรวจสอบ สภาพบ้านที่ถูกเพลิงไหม้ได้ความเสียหายทั้งหลัง
และจากการสอบสวน นายดือเลาะ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นผู้เสียหาย ทราบว่า ในขณะเกิดเหตุได้อาศัยนอนหลับที่บ้านพักอีกหลังหนึ่งกับภรรยาและลูก รวม 3 คน ก็ได้มีชาวบ้านที่อยู่ติดกันตะโกนบอกว่าไฟไหม้บ้าน จึงได้ตกใจตื่นพร้อมทั้งได้ปลุกภรรยาและลูก ช่วยกันขนข้าวของที่จำเป็นออกจากบ้านพัก ก่อนที่จะวิ่งไปดูบ้านพักที่ถูกเพลิงไหม้ และพบว่า ไฟกำลังลุกโชนอยู่ที่ห้องนอนของลูกเลี้ยงอีกคนคือ นายสะมะแอ หะแว อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นครูสอนศาสนาอยู่ที่โรงเรียนตาดีกาประจำมัสยิดบ้านนาโอน
และขณะเกิดเหตุนายสะมะแอ ไม่ได้กลับมานอนที่บ้านพัก จึงได้ร่วมกับเพื่อนบ้านช่วยกันดับไฟ ในระหว่างที่รอรถดับเพลิงจากหน่วยบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลรือเสาะ แต่ด้วยบ้านพักที่ปลูกสร้างด้วยไม้จึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ตนและเพื่อนบ้านไม่สามารถที่จะสกัดกั้นต้นเพลิงเอาไว้ได้ ไฟจึงไหม้บ้านพักได้รับความเสียหายทั้งหลังดังกล่าว
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการลอบวางเพลิง ของกลุ่มสมาชิกแนวร่วมผู้ไม่หวังดี เพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนที่ให้ความร่วมมือกับทางการ ในการแจ้งเบาะแสจับกุมตัวนายมะเยะ ซึ่งเป็นสมาชิกแนวร่วม RKK ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ในช่วงคืนที่ผ่านมา ขณะอยู่ในระหว่างหลบหนีคดีฆ่า 3 คนไทยพุทธเสียชีวิตที่ตลาดนัดวันอังคาร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2551 ที่ผ่านมา
เนื่องจากระหว่างเกิดเพลิงไหม้บ้านจุดเกิดเหตุไม่ได้มีการเปิดไฟฟ้าและเสียบปลั๊กไฟทิ้งไว้ แถมยังไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่เลย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดทิ้งประเด็นไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากรอผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กองวิทยาการสรุปอีกครั้งหนึ่ง