ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ศปก.ตร.สน.เผยจำนวนผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ จว.ชายแดนใต้ มีอยู่กว่า 9,000 คน และออกหมายจับไปแล้วกว่า 6,000 คน สถิติการก่อเหตุลดลงกว่าร้อยละ 40
วันนี้ (30 ก.ค.) พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฎฐ์ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า หรือ ศปก.ตร.สน.เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเครือข่ายผู้ก่อความไม่สงบที่ยังคงเคลื่อนไหวปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะนี้มีอยู่ประมาณ 9,000 คน ซึ่งรวมทุกกลุ่มทั้งในส่วนของผู้นำทางความคิดที่บิดเบือนหลักศาสนา กลุ่มอาร์เคเคทั้งในระดับสั่งการและระดับปฏิบัติ ในจำนวนนี้เจ้าหน้าที่สามารถออกหมายจับไปแล้วกว่า 6,000 หมายจับ และจับกุมไปแล้วกว่าร้อยละ 60 ส่วนที่เหลืออีกกว่า 3,000 คนนั้น เจ้าหน้าที่พยายามหาเบาะแส เพื่อดำเนินการจับกุมโดยเฉพาะในระดับแกนนำ
พล.ต.ท.พีระ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การก่อเหตุความไม่สงบในช่วง 6 ปีที่ผ่านมานั้น หากมองในเชิงสถิติพบว่าลดลงอย่างต่อเนื่องกว่าร้อยละ 40 โดยเฉพาะในช่วงสองปีที่ผ่านมา ซึ่งจำนวนการก่อเหตุลดลงกว่า 1,000 ครั้ง เมื่อเทียบจากสถิติเมื่อปี 2550 ที่มีการก่อเหตุสูงที่สุดจำนวน 2,475 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม แม้ในเชิงสถิติการก่อเหตุจะลดลงแต่คนร้ายยังคงที่จะจ้องหาโอกาสลงมืออย่างต่อเนื่อง และเน้นความรุนแรง และโหดเหี้ยมมากขึ้นเพื่อให้มีผลทางจิตวิทยาที่ต้องการสร้างความหวาดกลัวให้กับมวลชน
วันนี้ (30 ก.ค.) พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฎฐ์ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า หรือ ศปก.ตร.สน.เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเครือข่ายผู้ก่อความไม่สงบที่ยังคงเคลื่อนไหวปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะนี้มีอยู่ประมาณ 9,000 คน ซึ่งรวมทุกกลุ่มทั้งในส่วนของผู้นำทางความคิดที่บิดเบือนหลักศาสนา กลุ่มอาร์เคเคทั้งในระดับสั่งการและระดับปฏิบัติ ในจำนวนนี้เจ้าหน้าที่สามารถออกหมายจับไปแล้วกว่า 6,000 หมายจับ และจับกุมไปแล้วกว่าร้อยละ 60 ส่วนที่เหลืออีกกว่า 3,000 คนนั้น เจ้าหน้าที่พยายามหาเบาะแส เพื่อดำเนินการจับกุมโดยเฉพาะในระดับแกนนำ
พล.ต.ท.พีระ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การก่อเหตุความไม่สงบในช่วง 6 ปีที่ผ่านมานั้น หากมองในเชิงสถิติพบว่าลดลงอย่างต่อเนื่องกว่าร้อยละ 40 โดยเฉพาะในช่วงสองปีที่ผ่านมา ซึ่งจำนวนการก่อเหตุลดลงกว่า 1,000 ครั้ง เมื่อเทียบจากสถิติเมื่อปี 2550 ที่มีการก่อเหตุสูงที่สุดจำนวน 2,475 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม แม้ในเชิงสถิติการก่อเหตุจะลดลงแต่คนร้ายยังคงที่จะจ้องหาโอกาสลงมืออย่างต่อเนื่อง และเน้นความรุนแรง และโหดเหี้ยมมากขึ้นเพื่อให้มีผลทางจิตวิทยาที่ต้องการสร้างความหวาดกลัวให้กับมวลชน
