ตรัง - ท้องฟ้ามืดครึ้มไม่เป็นใจ และมีเมฆฝนมาบดบัง จนแทบจะมองไม่เห็นแสงจากดวงอาทิตย์ ทำให้ชาวตรังอดมองเห็นปรากฏการณ์สุริยุปราคา สร้างความผิดหวังให้แก่นักเรียนและประชาชน
วันนี้ (22.ก.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรัง ได้เดินทางไปยังศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาจังหวัดตรัง ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง เพื่อเฝ้าชมปรากฏการณ์สุริยุปราคา หรือสุริยคราส ที่จะเกิดขึ้นเป็นเวลา 6 นาที 39 วินาที หรือยาวนานที่สุดในรอบศตวรรษ และหากพลาดชมในครั้งนี้จะต้องรอไปอีกยาวนานถึง 123 ปี ท่ามกลางกระแสความตื่นตัวของผู้คนในทั่วโลกนั้น
ทั้งนี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาจังหวัดตรัง โดยนายชัยกิจ อนันตนิรัตศัย ผู้อำนวยการศูนย์ฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ได้เตรียมพร้อมในส่วนของอาคารสถานที่ รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ในการชมปรากฏการณ์สุริยุปราคาในครั้งนี้ ตลอดจนแผ่นป้ายแสดงข้อมูล หรือเอกสารให้ความรู้ อีกจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะกล้องดูดาว จำนวน 5 ตัว ซึ่งได้ทำการติดตั้ง มาตั้งแต่เย็นวันที่ 21 กรกฎาคมแล้ว ตลอดจนประสานไปยังโรงเรียนต่างๆ ในจังหวัดตรัง ให้นำนักเรียนมาร่วมกิจกรรมทางธรรมชาติดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาประมาณ 07.13 น. ซึ่งเป็นเวลาที่คาดว่าในพื้นที่จังหวัดตรัง จะสามารถมองเห็นปรากฏการณ์สุริยุปราคาได้ชัดเจนมากที่สุด แต่ปรากฎว่า ท้องฟ้ามืดครึ้มไม่เป็นใจ และมีเมฆฝนมาบดบังอย่างหนาทึบ จนแทบจะมองไม่เห็นแสงจากดวงอาทิตย์ ซึ่งแม้ว่าจะรอไปจนถึงเวลา 09.00 น. ก็ยังเกิดสภาพฟ้าปิด มิอาจมองเห็นปรากฏการณ์สุริยุปราคาได้ แต่อย่างใดเลย สร้างความผิดหวังให้แก่นักเรียนและประชาชนจำนวนหนึ่ง ที่อุตส่าห์ตื่นเช้าไปรอชมกันที่ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาจังหวัดตรัง
นายชัยกิจ อนันตนิรัตศัย ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาจังหวัดตรัง กล่าวว่า ถึงแม้ชาวตรังจะผิดหวังในการชมปรากฏการณ์สุริยุปราคาครั้งนี้ แต่อย่างน้อยกระแสของการตื่นตัวที่เกิดขึ้นทั่วโลก ก็ทำให้คนไทยเกิดความสนใจในเรื่องของวิทยาศาสตร์มากขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดความเข้าในสิ่งต่างๆ ที่เป็นธรรมชาติ และสามารถนำไปลบล้างหรือเปรียบเทียบกับความเชื่อบางอย่าง เช่น ราหูอมจันทร์ หรือเหตุเภทภัยตามคำทำนายต่างๆ และในอีก 42 ปีข้างหน้าก็ยังสามารถรอชมได้อีกครั้ง สำหรับปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วน
วันนี้ (22.ก.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรัง ได้เดินทางไปยังศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาจังหวัดตรัง ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง เพื่อเฝ้าชมปรากฏการณ์สุริยุปราคา หรือสุริยคราส ที่จะเกิดขึ้นเป็นเวลา 6 นาที 39 วินาที หรือยาวนานที่สุดในรอบศตวรรษ และหากพลาดชมในครั้งนี้จะต้องรอไปอีกยาวนานถึง 123 ปี ท่ามกลางกระแสความตื่นตัวของผู้คนในทั่วโลกนั้น
ทั้งนี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาจังหวัดตรัง โดยนายชัยกิจ อนันตนิรัตศัย ผู้อำนวยการศูนย์ฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ได้เตรียมพร้อมในส่วนของอาคารสถานที่ รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ในการชมปรากฏการณ์สุริยุปราคาในครั้งนี้ ตลอดจนแผ่นป้ายแสดงข้อมูล หรือเอกสารให้ความรู้ อีกจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะกล้องดูดาว จำนวน 5 ตัว ซึ่งได้ทำการติดตั้ง มาตั้งแต่เย็นวันที่ 21 กรกฎาคมแล้ว ตลอดจนประสานไปยังโรงเรียนต่างๆ ในจังหวัดตรัง ให้นำนักเรียนมาร่วมกิจกรรมทางธรรมชาติดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาประมาณ 07.13 น. ซึ่งเป็นเวลาที่คาดว่าในพื้นที่จังหวัดตรัง จะสามารถมองเห็นปรากฏการณ์สุริยุปราคาได้ชัดเจนมากที่สุด แต่ปรากฎว่า ท้องฟ้ามืดครึ้มไม่เป็นใจ และมีเมฆฝนมาบดบังอย่างหนาทึบ จนแทบจะมองไม่เห็นแสงจากดวงอาทิตย์ ซึ่งแม้ว่าจะรอไปจนถึงเวลา 09.00 น. ก็ยังเกิดสภาพฟ้าปิด มิอาจมองเห็นปรากฏการณ์สุริยุปราคาได้ แต่อย่างใดเลย สร้างความผิดหวังให้แก่นักเรียนและประชาชนจำนวนหนึ่ง ที่อุตส่าห์ตื่นเช้าไปรอชมกันที่ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาจังหวัดตรัง
นายชัยกิจ อนันตนิรัตศัย ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาจังหวัดตรัง กล่าวว่า ถึงแม้ชาวตรังจะผิดหวังในการชมปรากฏการณ์สุริยุปราคาครั้งนี้ แต่อย่างน้อยกระแสของการตื่นตัวที่เกิดขึ้นทั่วโลก ก็ทำให้คนไทยเกิดความสนใจในเรื่องของวิทยาศาสตร์มากขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดความเข้าในสิ่งต่างๆ ที่เป็นธรรมชาติ และสามารถนำไปลบล้างหรือเปรียบเทียบกับความเชื่อบางอย่าง เช่น ราหูอมจันทร์ หรือเหตุเภทภัยตามคำทำนายต่างๆ และในอีก 42 ปีข้างหน้าก็ยังสามารถรอชมได้อีกครั้ง สำหรับปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วน
