ปัตตานี – นายธีระ วงศ์สุนทร รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ เร่งดันงบฟื้นเศรษฐกิจลงใต้ อัดเม็ดเงินพัฒนาอาชีพกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 4.3 ล้านบาท เพื่อกู้วิกฤตชายแดนใต้ต่อเนื่อง โดยในปี 2552 เป็นเงิน 1.6 ล้านบาท และ 2.7 ล้านบาทในปีต่อไป ตั้งเป้าสร้างรายได้ต่อครัวเรือนเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 2 เท่า และฟื้นฟูเศรษฐกิจการลงทุน
ที่โรงแรมซี เอส ปัตตานี นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะได้ประชุมคณะกรรมการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อติดตามงานตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในประเด็นหลักแผนงานโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าร่วม
นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาแนวทางปฏิบัติงานตามแผนงานโครงการพัฒนาการเกษตรพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และสงขลา ซึ่งในปี 2552 กระทรวงเกษตรฯ ได้จัดสรรงบประมาณในการพัฒนาอาชีพด้านการเกษตรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเงิน 1,618 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,786 ล้านบาทในปี 2553
โดยจะดำเนินงานใน 2 แผนหลัก คือ 1.แผนการยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตประชาชนในหมู่บ้านจำนวน 29 โครงการ วงเงินประมาณ 1,121 ล้านบาท และ2.แผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการลงทุน จำนวน 10 โครงการ วงเงินประมาณ 1,525 ล้านบาท โดยเน้นการจัดทำโครงการที่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และความต้องการของประชาชนโดยมีหมู่บ้านเป้าหมาย ซึ่งเป็นหมู่บ้านยากจน 696 หมู่บ้านเป็นอันดับแรก และขยายสู่หมู่บ้านที่เหลือให้ครบทุกหมู่บ้านในระยะเวลา 3 ปี จำนวน 2,901 หมู่บ้าน
ทั้งนี้จะคำนึงถึงความพร้อมของประชาชนในการเข้าร่วมโครงการ โดยจะมีการสำรวจความต้องการ และคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน มีการร่วมคิด ร่วมเพื่อให้โครงการเกิดความยั่งยืน
สำหรับโครงการที่กระทรวงเกษตรฯ ให้ความสำคัญในการพัฒนาอาชีพหลักในพื้นที่ได้แก่ การส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมันซึ่งจะมีการขยายพื้นที่เพิ่มเป็น 200,000 ไร่ การฟื้นฟูพื้นที่นาข้าวร้าง การส่งเสริมการปลูกยางพันธุ์ดี การส่งเสริมการเลี้ยงแพะเชิงพาณิชย์สู่อุตสาหกรรมฮาลาล การทำการประมง และการสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล (ปะการังเทียม) รวมทั้งการก่อสร้างระบบชลประทานเพื่อเพิ่มพื้นที่ชลประทานซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาการเกษตร ทั้งนี้ เพื่อทำให้ความเป็นอยู่ของเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ยกระดับรายได้ครัวเรือนเฉลี่ยจาก 64,000 บาท/ปี เป็นไม่ต่ำกว่า 120,000 บาท/ปี ซึ่งจะส่งผลทางเศรษฐกิจของประชาชนในพื้นที่โดยรวม
“นโยบายการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของกระทรวงเกษตรฯ ตามกรอบแนวทางการดำเนินงานตาม “ยุทธศาสตร์การพัฒนาการเกษตรในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2551 - 2554” ซึ่งประกอบด้วย 1. การสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร และสถาบันเกษตรกร 2.การพัฒนาและฟื้นฟูอาชีพภาคเกษตรให้สอดคล้องกับศักยภาพพื้นที่ 3.การบริหารจัดการทรัพยากรการเกษตรและสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน และ 4. การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กรให้เข้มแข็ง โดยขณะนี้การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2552 แล้วจำนวน 749,240,596.43 จากแผนงาน 1,618,105,722 คิดเป็น 46.30 % ของงบประมาณทั้งหมด” นายธีระกล่าว
ที่โรงแรมซี เอส ปัตตานี นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะได้ประชุมคณะกรรมการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อติดตามงานตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในประเด็นหลักแผนงานโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าร่วม
นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาแนวทางปฏิบัติงานตามแผนงานโครงการพัฒนาการเกษตรพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และสงขลา ซึ่งในปี 2552 กระทรวงเกษตรฯ ได้จัดสรรงบประมาณในการพัฒนาอาชีพด้านการเกษตรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเงิน 1,618 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,786 ล้านบาทในปี 2553
โดยจะดำเนินงานใน 2 แผนหลัก คือ 1.แผนการยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตประชาชนในหมู่บ้านจำนวน 29 โครงการ วงเงินประมาณ 1,121 ล้านบาท และ2.แผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการลงทุน จำนวน 10 โครงการ วงเงินประมาณ 1,525 ล้านบาท โดยเน้นการจัดทำโครงการที่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และความต้องการของประชาชนโดยมีหมู่บ้านเป้าหมาย ซึ่งเป็นหมู่บ้านยากจน 696 หมู่บ้านเป็นอันดับแรก และขยายสู่หมู่บ้านที่เหลือให้ครบทุกหมู่บ้านในระยะเวลา 3 ปี จำนวน 2,901 หมู่บ้าน
ทั้งนี้จะคำนึงถึงความพร้อมของประชาชนในการเข้าร่วมโครงการ โดยจะมีการสำรวจความต้องการ และคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน มีการร่วมคิด ร่วมเพื่อให้โครงการเกิดความยั่งยืน
สำหรับโครงการที่กระทรวงเกษตรฯ ให้ความสำคัญในการพัฒนาอาชีพหลักในพื้นที่ได้แก่ การส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมันซึ่งจะมีการขยายพื้นที่เพิ่มเป็น 200,000 ไร่ การฟื้นฟูพื้นที่นาข้าวร้าง การส่งเสริมการปลูกยางพันธุ์ดี การส่งเสริมการเลี้ยงแพะเชิงพาณิชย์สู่อุตสาหกรรมฮาลาล การทำการประมง และการสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล (ปะการังเทียม) รวมทั้งการก่อสร้างระบบชลประทานเพื่อเพิ่มพื้นที่ชลประทานซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาการเกษตร ทั้งนี้ เพื่อทำให้ความเป็นอยู่ของเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ยกระดับรายได้ครัวเรือนเฉลี่ยจาก 64,000 บาท/ปี เป็นไม่ต่ำกว่า 120,000 บาท/ปี ซึ่งจะส่งผลทางเศรษฐกิจของประชาชนในพื้นที่โดยรวม
“นโยบายการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของกระทรวงเกษตรฯ ตามกรอบแนวทางการดำเนินงานตาม “ยุทธศาสตร์การพัฒนาการเกษตรในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2551 - 2554” ซึ่งประกอบด้วย 1. การสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร และสถาบันเกษตรกร 2.การพัฒนาและฟื้นฟูอาชีพภาคเกษตรให้สอดคล้องกับศักยภาพพื้นที่ 3.การบริหารจัดการทรัพยากรการเกษตรและสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน และ 4. การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กรให้เข้มแข็ง โดยขณะนี้การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2552 แล้วจำนวน 749,240,596.43 จากแผนงาน 1,618,105,722 คิดเป็น 46.30 % ของงบประมาณทั้งหมด” นายธีระกล่าว
