นครศรีธรรมราช – คนร้ายสังหารโหด 2 สามีภรรยาเจ้าของร้านคาร์แคร์สุราษฎร์ฯ เผยมือยิงรู้จักทั้งสองเป็นอย่างดี วันเกิดเหตุมากินข้่าวเย็นด้วยกันที่บ้าน ก่อนทะเลาะรุนแรง จึงยิงฝ่ายสามีตายคาบ้าน แล้วฉุดภรรยาไปยิงทิ้งกลางสวนยางที่ อ.ฉวาง คาดปมขัดแย้งเรื่องธุรกิจนอกระบบบางอย่าง
วันนี้ (7 ก.ค.) พ.ต.ท.จิตรณรงค์ หนูนาค พนักงานสอบสวนเวร สภ.ฉวาง นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุพบศพถูกฆ่าทิ้งในสวนยางพารา ม.5 ต.กะเปียด อ.ฉวาง จากนั้นจึงพร้อม พ.ต.อ.สมชาย บุญครบ ผกก.สภ.ฉวาง แพทย์ และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฉวาง เข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิงอยู่ในชุดนอนสีครีมทั้งชุด สภาพมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่ลำคอ 3 นัด กลางหลัง 1 นัด รวม 4 นัด คาดว่า ตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ชม.ทราบชื่อผู้ตายในเวลาต่อมา คือ นางสุภาวดี ศรีสุข อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 266 ม.11 ต.พ่วงพรหม อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี เป็นเจ้าของร้านคาร์แคร์ รายใหญ่ใน ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี
เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำชาวสวนยางในละแวกใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ได้ความว่า ราวเวลาประมาณ 03.00 น.วันเดียวกัน มีชาวบ้านได้ยินเสียงปืนดังขึ้นที่บริเวณที่เกิดเหตุ 4 นัดซ้อน ต่างเข้าใจว่า ชาวบ้านในย่านนั้นออกล่าอีเห็น จึงไม่ใครสนใจ จนกระทั่งช่วงเช้ามืดเจ้าของสวนยางแปลงที่เกิดเหตุ ได้กรีดยางมาถึงจุดดังกล่าว จึงพบศพ นางสุภาวดี เสียชีวิตอยู่ โดยเชื่อว่าเสียงปืนดังกล่าวนั้นเป็นเสียงปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุฆาตกรรมนางสุภาวดีนั่นเอง
เบื้องต้นเชื่อว่า คนร้ายน่าจะไม่ต่ำกว่า 3 คน ใช้รถยนต์เป็นพาหนะนำนางสุภาวดีมาจากบ้าน พาไปที่เกิดเหตุแล้วพาลงจากรถก่อนจะใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิต หลังจากนั้นคนร้ายก็พากันขับรถหลบหนีไป
ต่อมาหลังพบศพทางตำรวจได้ประสานงานไปยัง สภ.ทั้งในจังหวัด และต่างจังหวัดจนมีการยืนยันข้อมูลชัดเจนว่า ผู้ตายคือนางสุภาวดีเจ้าของร้าน “คาร์แคร์มีสุข” อยู่ในบ้านส้อง จ.สุราษฎร์ธานี จึงติดต่อประสานงานไปทางญาติที่ อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี จึงทราบว่าสามีของนางสุภาวดี คือนายเฉลิมรักษ์ ศรีสุข อายุ 40 ปี ก็ถูกยิงเสียชีวิตที่บ้านในคืนเดียวกัน
ต่อมา นางวรวรรณ อภิชาตระกูล มารดาของนางสุภาวดีผู้ตาย ได้เดินทางมาติดต่อขอดูศพ และยืนยันเอกลักษณ์บุคคลว่าผู้ตาย คือ นางสุภาวดี บุตรสาวที่หายไปหลังจากที่บุตรเขยถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ตำรวจจึงได้สอบปากคำนางวรวรรณ
ในเบื้องต้นทราบว่า นางสุภาวดี อยู่กินกับ นายเฉลิมรักษ์ สามีและเปิดธุรกิจคาร์แคร์อยู่ที่ ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราฎร์ธานี เมื่อคืนที่ผ่านมาได้มีคนร้าย 2 คน ใช้รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ไปหา นายเฉลิมรักษ์ และ นางสุภาวดี ที่บ้าน ก่อนจะมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง จากนั้นชายกลุ่มดังกล่าวก็เปลี่ยนสภาพเป็นคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายเฉลิมรักษ์ จนเสียชีวิตที่บ้านพัก จากนั้นฉุดกระชากลากนางสุภาวดีไปขึ้นรถยนต์ขับหนีหายไป จนกระทั่งมาทราบภายหลังว่า นางสุภาวดี ลูกสาวถูกพาไปฆ่าทิ้งในสวนยางพารา อ.ฉวาง นครศรีธรรมราช จึงเดินทางมารับศพดังกล่าว
พ.ต.อ.สมชาย บุญครบ ผกก.สภ.ฉวาง นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้สอบสวนพยานและประสานไปยังตำรวจ สภ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี ทราบว่า คนร้ายเป็นคนรู้จักกับผู้ตายทั้งสามีและภรรยาเป็นอย่างดี โดยไปหาที่บ้านแล้วมีการเลี้ยงข้าวปลาอาหาร พูดคุยกันตามประสาคนรู้จัก ก่อนจะมีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง แล้วคนร้ายก็ใช้อาวุธปืนยิงนายเฉลิมรักษ์จนตายคาบ้าน ก่อนจะฉุดนางสุภาวดีขึ้นรถแล้วนำมายิงทิ้งในสวนยาง
“คดีนี้เข้าใจว่าไม่ได้เกิดในพื้นที่ อ.ฉวาง แต่มีการนำศพมาทิ้งไว้ในเขตฉวาง เป็นคดีต่อเนื่องมาจาก อ.เคียนซา จึงได้สรุปสำนวนโอนคดีไปให้พนักงานสอบสวน สภ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี ทำการสืบสวนสอบสวนต่อไป ซึ่งทราบว่าทางตำรวจของ สภ.เคียนซา สามารถจับกุมตัว 1 ใน 2 คนร้ายได้แล้วด้วย ส่วนสาเหตุทราบว่ามาจากความขัดแย้งเรื่องธุรกิจนอกระบบบางอย่าง” พ.ต.อ.สมชาย กล่าวในที่สุด
วันนี้ (7 ก.ค.) พ.ต.ท.จิตรณรงค์ หนูนาค พนักงานสอบสวนเวร สภ.ฉวาง นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุพบศพถูกฆ่าทิ้งในสวนยางพารา ม.5 ต.กะเปียด อ.ฉวาง จากนั้นจึงพร้อม พ.ต.อ.สมชาย บุญครบ ผกก.สภ.ฉวาง แพทย์ และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฉวาง เข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิงอยู่ในชุดนอนสีครีมทั้งชุด สภาพมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่ลำคอ 3 นัด กลางหลัง 1 นัด รวม 4 นัด คาดว่า ตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ชม.ทราบชื่อผู้ตายในเวลาต่อมา คือ นางสุภาวดี ศรีสุข อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 266 ม.11 ต.พ่วงพรหม อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี เป็นเจ้าของร้านคาร์แคร์ รายใหญ่ใน ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี
เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำชาวสวนยางในละแวกใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ได้ความว่า ราวเวลาประมาณ 03.00 น.วันเดียวกัน มีชาวบ้านได้ยินเสียงปืนดังขึ้นที่บริเวณที่เกิดเหตุ 4 นัดซ้อน ต่างเข้าใจว่า ชาวบ้านในย่านนั้นออกล่าอีเห็น จึงไม่ใครสนใจ จนกระทั่งช่วงเช้ามืดเจ้าของสวนยางแปลงที่เกิดเหตุ ได้กรีดยางมาถึงจุดดังกล่าว จึงพบศพ นางสุภาวดี เสียชีวิตอยู่ โดยเชื่อว่าเสียงปืนดังกล่าวนั้นเป็นเสียงปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุฆาตกรรมนางสุภาวดีนั่นเอง
เบื้องต้นเชื่อว่า คนร้ายน่าจะไม่ต่ำกว่า 3 คน ใช้รถยนต์เป็นพาหนะนำนางสุภาวดีมาจากบ้าน พาไปที่เกิดเหตุแล้วพาลงจากรถก่อนจะใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิต หลังจากนั้นคนร้ายก็พากันขับรถหลบหนีไป
ต่อมาหลังพบศพทางตำรวจได้ประสานงานไปยัง สภ.ทั้งในจังหวัด และต่างจังหวัดจนมีการยืนยันข้อมูลชัดเจนว่า ผู้ตายคือนางสุภาวดีเจ้าของร้าน “คาร์แคร์มีสุข” อยู่ในบ้านส้อง จ.สุราษฎร์ธานี จึงติดต่อประสานงานไปทางญาติที่ อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี จึงทราบว่าสามีของนางสุภาวดี คือนายเฉลิมรักษ์ ศรีสุข อายุ 40 ปี ก็ถูกยิงเสียชีวิตที่บ้านในคืนเดียวกัน
ต่อมา นางวรวรรณ อภิชาตระกูล มารดาของนางสุภาวดีผู้ตาย ได้เดินทางมาติดต่อขอดูศพ และยืนยันเอกลักษณ์บุคคลว่าผู้ตาย คือ นางสุภาวดี บุตรสาวที่หายไปหลังจากที่บุตรเขยถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ตำรวจจึงได้สอบปากคำนางวรวรรณ
ในเบื้องต้นทราบว่า นางสุภาวดี อยู่กินกับ นายเฉลิมรักษ์ สามีและเปิดธุรกิจคาร์แคร์อยู่ที่ ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราฎร์ธานี เมื่อคืนที่ผ่านมาได้มีคนร้าย 2 คน ใช้รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ไปหา นายเฉลิมรักษ์ และ นางสุภาวดี ที่บ้าน ก่อนจะมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง จากนั้นชายกลุ่มดังกล่าวก็เปลี่ยนสภาพเป็นคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายเฉลิมรักษ์ จนเสียชีวิตที่บ้านพัก จากนั้นฉุดกระชากลากนางสุภาวดีไปขึ้นรถยนต์ขับหนีหายไป จนกระทั่งมาทราบภายหลังว่า นางสุภาวดี ลูกสาวถูกพาไปฆ่าทิ้งในสวนยางพารา อ.ฉวาง นครศรีธรรมราช จึงเดินทางมารับศพดังกล่าว
พ.ต.อ.สมชาย บุญครบ ผกก.สภ.ฉวาง นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้สอบสวนพยานและประสานไปยังตำรวจ สภ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี ทราบว่า คนร้ายเป็นคนรู้จักกับผู้ตายทั้งสามีและภรรยาเป็นอย่างดี โดยไปหาที่บ้านแล้วมีการเลี้ยงข้าวปลาอาหาร พูดคุยกันตามประสาคนรู้จัก ก่อนจะมีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง แล้วคนร้ายก็ใช้อาวุธปืนยิงนายเฉลิมรักษ์จนตายคาบ้าน ก่อนจะฉุดนางสุภาวดีขึ้นรถแล้วนำมายิงทิ้งในสวนยาง
“คดีนี้เข้าใจว่าไม่ได้เกิดในพื้นที่ อ.ฉวาง แต่มีการนำศพมาทิ้งไว้ในเขตฉวาง เป็นคดีต่อเนื่องมาจาก อ.เคียนซา จึงได้สรุปสำนวนโอนคดีไปให้พนักงานสอบสวน สภ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี ทำการสืบสวนสอบสวนต่อไป ซึ่งทราบว่าทางตำรวจของ สภ.เคียนซา สามารถจับกุมตัว 1 ใน 2 คนร้ายได้แล้วด้วย ส่วนสาเหตุทราบว่ามาจากความขัดแย้งเรื่องธุรกิจนอกระบบบางอย่าง” พ.ต.อ.สมชาย กล่าวในที่สุด
