นครศรีธรรมราช - ผบก.นครศรีธรรมราช ระบุยิงถล่มผู้ใหญ่บ้านถอดด้ามปมการเมืองท้องถิ่น ตรวจที่เกิดเหตุกระสุนปืนสงครามครบเครื่องอาก้าร์-คาร์บิน-เอชเค
วันนี้ (3 ก.ค.) พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่ม นายชูชีพ วงศ์สวัสดิ์ หรือสุชีพ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ยางค้อม อ.พิปูน จ.นครศรีธรรราช ซึ่งได้รับการเลือกตั้งสดๆร้อนๆ กับพวกได้รับบาดเจ็บสาหัสรวม 4 คน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 ก.ค. ว่า จากการนำปลอกกระสุนปืนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุไปตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่าอาวุธปืนและกระสุนปืนที่คนร้ายใช้ นอกจากปืนเอ็ม.16 แล้ว ยังมีปลอกกระสุนของปืนอาก้า ปืนคาร์บิน และปืนเอช.เค.ด้วย อันแสดงให้เห็นว่าผู้ก่อเหตุมีกลุ่มมือปืนที่โชกโชนในประสบการณ์การใช้อาวุธ สงคราม
“สาเหตุการยิงถล่มในครั้งมีหลายประการ หนึ่งในสาเหตุที่ตำรวจสนใจ และพุ่งปมพิเศษ คือเรื่องความขัดแย้งการเมืองท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้านคนนี้เพิ่งได้รับเลือกตั้งมาสดๆ ร้อนๆ เมื่อราว 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการสนับสนุนของกำนันคนหนึ่งในพื้นที่ และกำนันคนนี้จัดเป็นผู้มีความกว้างขวางมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี พัวพันและต้องคดีอยู่หลายคดีอีกด้วย แต่เขายังมีอิทธิพล และบารมีในการเมืองท้องถิ่น มีความขัดแย้งอย่างรุนแรงกับกลุ่มการเมืองท้องถิ่นฝ่ายตรงข้าม และถูกฝ่ายตรงข้ามส่งมือปืนตามประกบมุ่งสังหารเพื่อดับคู่แข่งการเมืองท้อง ถิ่นก็เป็นได้” ผบก.นครศรีธรรมราช ระบุ
ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช กล่าวต่อว่าทีมคนร้ายที่ก่อเหตุ มีมากกว่า 3 คน แต่คนร้ายรวม 3 คนนั่งบนกระบะตอนหลัง เป็นผู้ยิงถล่ม และล่าสุดนั้น 1 ใน 3 ของคนร้ายที่ร่วมในการใช้อาวุธปืนยิงนั้นเรารู้ข้อมูลทั้งหมดแล้ว พนักงานสอบสวนอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานนำเสนอศาลเพื่อขอออกหมายจับจากศาล
พล.ต.ต.สราวุธ กล่าวว่า ในช่วงนี้คดีอุกฉกรรจ์ในจังหวัดเกิดขึ้นค่อนข้างถี่ แต่เมื่อดูสถิติคดีนั้นถือว่าน้อยกว่าปีก่อนๆ ขณะนี้มาตรการในการกวาดล้างได้สั่งการให้มีการตั้งจุดสกัด และจุดตรวจในทุกอำเภอ ตรวจค้นจับกุมอาวุธปืนและมือปืนอย่างเข้มงวด ได้จัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษกวาดล้างมือปืนและซุ้มมือปืนขึ้นมา 3 ชุด เพื่อติดตามไล่ล่าจับกุมตามหมายจับ และกวาดล้างตามมาตรการมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมกลุ่มมือปืน และแหล่งที่ได้ชื่อว่าเป็นซุ้มให้ยุติบทบาทไปได้ ผบก.นครศรีธรรมราชกล่าว
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 2 ก.ค.52 หลังจากที่พ.ต.ท.สมจิตร สุวรรณชาตรี พนักงานสอบสวนเวร สภ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มรถยนต์กระบะที่ถนนสายพิปูน-ยางค้อม หมู่ 7 ต.ยางค้อม อ.พิปูน มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคนหลังจากนั้นจึงเข้าให้การช่วยเหลือและตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ตอนครึ่ง สีขาว ทะเบียน บล-2480 นครศรีธรรมราช จอดเสียหลักอยู่ริมถนน สภาพกระจกหลัง กระจกข้างขวาแตกกระจาย และตัวถังรถด้านข้างพรุนด้วยคมกระสุน ส่วนผู้บาดเจ็บติดอยู่ภายในรถรวม 4 ราย อยู่ในอาการสาหัสทั้งหมดจึงรีบเคลื่อนย้ายนำส่ง รพ.พิปูน
หลังจากนำตัวส่งแล้วทราบชื่อต่อมาคือ นายสุชีพ พวงสวัสดิ์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 179 หมู่ 1 ต.ยางค้อม อ.พิปูน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ยางค้อม ถูกยิงด้วยปืนอาก้า และ 11 ม.ม.เฉี่ยวที่ศีรษะ และกลางหลัง 2 นัด, นายธเนศ เรืองประชา อายุ 30 ปี มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่หัวไหล่ขวา 1 นัด, นางสมจิตร ปรีชา อายุ 35 ปี ถูกยิงเข้าที่ศีรษะและหน้าอกบาดเจ็บสาหัส และนางทิพยา วิเชียร อายุ 35 ปี ถูกยิงเข้าที่สะโพก 2 นัด ต่อมาเจ้าหน้าที่ส่งตัวนางสมจิตรไปยัง ร.พ.มหาราชเพื่อให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนจากแพทย์ และเครื่องมือทางการแพทย์ที่พร้อมกว่า ซึ่งอาการล่าสุดของบุคคลทั้ง 4 รายนั้นอยู่ในขั้นปลอดภัยแล้ว
วันนี้ (3 ก.ค.) พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่ม นายชูชีพ วงศ์สวัสดิ์ หรือสุชีพ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ยางค้อม อ.พิปูน จ.นครศรีธรรราช ซึ่งได้รับการเลือกตั้งสดๆร้อนๆ กับพวกได้รับบาดเจ็บสาหัสรวม 4 คน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 ก.ค. ว่า จากการนำปลอกกระสุนปืนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุไปตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่าอาวุธปืนและกระสุนปืนที่คนร้ายใช้ นอกจากปืนเอ็ม.16 แล้ว ยังมีปลอกกระสุนของปืนอาก้า ปืนคาร์บิน และปืนเอช.เค.ด้วย อันแสดงให้เห็นว่าผู้ก่อเหตุมีกลุ่มมือปืนที่โชกโชนในประสบการณ์การใช้อาวุธ สงคราม
“สาเหตุการยิงถล่มในครั้งมีหลายประการ หนึ่งในสาเหตุที่ตำรวจสนใจ และพุ่งปมพิเศษ คือเรื่องความขัดแย้งการเมืองท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้านคนนี้เพิ่งได้รับเลือกตั้งมาสดๆ ร้อนๆ เมื่อราว 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการสนับสนุนของกำนันคนหนึ่งในพื้นที่ และกำนันคนนี้จัดเป็นผู้มีความกว้างขวางมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี พัวพันและต้องคดีอยู่หลายคดีอีกด้วย แต่เขายังมีอิทธิพล และบารมีในการเมืองท้องถิ่น มีความขัดแย้งอย่างรุนแรงกับกลุ่มการเมืองท้องถิ่นฝ่ายตรงข้าม และถูกฝ่ายตรงข้ามส่งมือปืนตามประกบมุ่งสังหารเพื่อดับคู่แข่งการเมืองท้อง ถิ่นก็เป็นได้” ผบก.นครศรีธรรมราช ระบุ
ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช กล่าวต่อว่าทีมคนร้ายที่ก่อเหตุ มีมากกว่า 3 คน แต่คนร้ายรวม 3 คนนั่งบนกระบะตอนหลัง เป็นผู้ยิงถล่ม และล่าสุดนั้น 1 ใน 3 ของคนร้ายที่ร่วมในการใช้อาวุธปืนยิงนั้นเรารู้ข้อมูลทั้งหมดแล้ว พนักงานสอบสวนอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานนำเสนอศาลเพื่อขอออกหมายจับจากศาล
พล.ต.ต.สราวุธ กล่าวว่า ในช่วงนี้คดีอุกฉกรรจ์ในจังหวัดเกิดขึ้นค่อนข้างถี่ แต่เมื่อดูสถิติคดีนั้นถือว่าน้อยกว่าปีก่อนๆ ขณะนี้มาตรการในการกวาดล้างได้สั่งการให้มีการตั้งจุดสกัด และจุดตรวจในทุกอำเภอ ตรวจค้นจับกุมอาวุธปืนและมือปืนอย่างเข้มงวด ได้จัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษกวาดล้างมือปืนและซุ้มมือปืนขึ้นมา 3 ชุด เพื่อติดตามไล่ล่าจับกุมตามหมายจับ และกวาดล้างตามมาตรการมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมกลุ่มมือปืน และแหล่งที่ได้ชื่อว่าเป็นซุ้มให้ยุติบทบาทไปได้ ผบก.นครศรีธรรมราชกล่าว
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 2 ก.ค.52 หลังจากที่พ.ต.ท.สมจิตร สุวรรณชาตรี พนักงานสอบสวนเวร สภ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มรถยนต์กระบะที่ถนนสายพิปูน-ยางค้อม หมู่ 7 ต.ยางค้อม อ.พิปูน มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคนหลังจากนั้นจึงเข้าให้การช่วยเหลือและตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ตอนครึ่ง สีขาว ทะเบียน บล-2480 นครศรีธรรมราช จอดเสียหลักอยู่ริมถนน สภาพกระจกหลัง กระจกข้างขวาแตกกระจาย และตัวถังรถด้านข้างพรุนด้วยคมกระสุน ส่วนผู้บาดเจ็บติดอยู่ภายในรถรวม 4 ราย อยู่ในอาการสาหัสทั้งหมดจึงรีบเคลื่อนย้ายนำส่ง รพ.พิปูน
หลังจากนำตัวส่งแล้วทราบชื่อต่อมาคือ นายสุชีพ พวงสวัสดิ์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 179 หมู่ 1 ต.ยางค้อม อ.พิปูน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ยางค้อม ถูกยิงด้วยปืนอาก้า และ 11 ม.ม.เฉี่ยวที่ศีรษะ และกลางหลัง 2 นัด, นายธเนศ เรืองประชา อายุ 30 ปี มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่หัวไหล่ขวา 1 นัด, นางสมจิตร ปรีชา อายุ 35 ปี ถูกยิงเข้าที่ศีรษะและหน้าอกบาดเจ็บสาหัส และนางทิพยา วิเชียร อายุ 35 ปี ถูกยิงเข้าที่สะโพก 2 นัด ต่อมาเจ้าหน้าที่ส่งตัวนางสมจิตรไปยัง ร.พ.มหาราชเพื่อให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนจากแพทย์ และเครื่องมือทางการแพทย์ที่พร้อมกว่า ซึ่งอาการล่าสุดของบุคคลทั้ง 4 รายนั้นอยู่ในขั้นปลอดภัยแล้ว