ตรัง – นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเมืองหมูย่างยอมรับหลังเกิดการระบาดของ “ไข้หวัดใหญ่ 2009” และ “ชิคุนกุนยา” ในพื้นที่ภาคใต้ ส่งผลปริมาณให้นักท่องเที่ยวในปีนี้ดิ่งเหวอย่างน่าใจหาย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติหดหายไปเพียบ ชี้ภาวะถดถอยทางการท่องเที่ยวดังกล่าวยังไม่มีแนวโน้มว่าจะคลี่คลายลงได้
นายวิชัย รัตตมณี นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดตรัง กล่าวถึงสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดตรัง รวมไปถึงสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีจุดขายที่สำคัญเหมือนกันคือ การท่องเที่ยวทางทะเลว่า หลังจากในพื้นที่เกิดการระบาดของโรคไข้ปวดข้อยุงลาย หรือชิคุนกุนยา ซึ่งเป็นโรคประจำถิ่นในพื้นที่ภาคใต้ กับการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งแม้ต้นตอการระบาดจะเกิดขึ้นในต่างประเทศ แต่ลักษณะของโรคสามารถติดเชื้อได้ผ่านคนสู่คน อีกทั้งประเทศไทย รวมทั้งจังหวัดตรัง ก็พบคนติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศหลายร้อยรายแล้ว
สำหรับพื้นที่ภาคใต้ ปกติจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามามากเป็นอันดับ 1 ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยมีจำนวนน้อยกว่า แต่จากผลพวงของปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลให้ปริมาณนักท่องเที่ยวหายไปทั้ง 2 กลุ่ม ทั้งๆ ที่ในช่วงโลว์ซีซันของแต่ละปีโดยปกติแล้วจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเหลืออยู่ในพื้นที่ประมาณ 50% และจะได้นักท่องเที่ยวชาวไทยเข้ามาแทนที่เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ การที่นักท่องเที่ยวหายไปทั้ง 2 กลุ่มมาจากเหตุผลที่ต่างกัน โดยในส่วนของชาวไทยที่ไม่กล้าลงมาเที่ยวภาคใต้ เพราะกลัวโรคไข้ปวดข้อยุงลาย แต่ในส่วนของชาวต่างชาติจะกลัวโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 เพราะบางประเทศมีการสั่งกักห้ามประชากรของเขาออกนอกประเทศ ขณะเดียวกันก็มีการกักตัวนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปในประเทศด้วย จึงส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนนี้หายไปเกือบหมดเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา
“อย่างจังหวัดภูเก็ต เดิมปริมาณนักท่องเที่ยวคงเหลือปีละประมาณ 50% แต่ในเวลานี้กลับเหลือแค่ 25% จังหวัดกระบี่เดิมทุกปีจะคงเหลือปีละประมาณ 50-60 % แต่เวลานี้กลับเหลือแค่ 20% ส่วนของจังหวัดตรังเดิมทุกปีจะคงเหลือประมาณ 25-30% แต่ขณะนี้เหลือแค่ 5% เท่านั้น” นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดตรังกล่าว
นายวิชัยกล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามปัญหานี้ได้ส่งผลกระทบในลักษณะเดียวเหมือนกันหมดทั่วโลก โดยเฉพาะจากสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้ส่งผลต่อธุรกิจการท่องเที่ยวภาคใต้อย่างหนัก เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวนี้จะยังคงส่งผลไปในระยะยาวอย่างไม่มีกำหนด