ระนอง - เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ร.25 สนธิกำลังตำรวจตรวจคนเข้าเมืองระนอง จับกุมแรงงานต่างด้าวชาวพม่า ได้ 30 คน ขณะใช้เรือหางยาวลักลอบเข้าเมือง ตรวจสอบไม่มีใบอนุญาตเข้าเมือง ขณะที่หน่วยงานความมั่นคง ระบุเหตุแรงงานเถื่อนทะลักเข้าพื้นที่ เนื่องจากรัฐบาลเตรียมเปิดจดทะเบียนใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดระนองว่า เมื่อเวลาประมาณ 00.30 น.คืนวันที่ 21 มิ.ย. ขณะที่ พ.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 (ฉก.ร.25) พร้อมด้วย พ.ต.ท.ณัชธฤต ปิ่นปัก สารวัตรใหญ่ด่านตรวจคนเข้าเมืองระนอง และนายสรรเสริญ อ่วมพลอย เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนปราบปราม ด่านศุลกากรระนอง พร้อมกำลังนำเรือตรวจการณ์ 218 ออกลาดตระเวน เพื่อสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
ตามแนวชายแดนทางด้านทะเล จ.ระนอง-จ.เกาะสอง ประเทศพม่า เมื่อเรือมาถึงบริเวณบ้านสามแหลม หมู่ 3 ต.ปากน้ำ อ.เมืองระนอง พบเรือหางยาว 3 ลำ ขับฝ่าความมืดตามหลังกัน มุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดระนอง จึงส่งสัญญาณให้หยุด เพื่อตรวจสอบ พบชาวพม่านอนราบอยู่กับท้องเรือทั้ง 3 ลำ รวม 30 คน เป็นชาย 24 คน หญิง 6 คน ตรวจสอบไม่มีหลักฐานการเข้าเมือง จึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่ด่าน ตม.ระนอง
จากการสอบสวน นายอากา นายเยกูไล และนายยูเมโซ คนขับเรือ ให้การรับสารภาพว่า พวกตนได้รับการว่าจ้างจาก นายหน้าชาวพม่า จากจังหวัดเกาะสอง ให้นำแรงงานทั้งหมดไปส่งที่บริเวณบ้านสามแหลม โดยได้ค่าจ้างหัวละ 300 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ตั้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันนำ หรือพา หรือให้การช่วยเหลือด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร และเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่วนแรงงานทั้งหมดดำเนินคดี “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากน้ำ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้ แหล่งข่าวด้านความมั่นคงในจังหวัดระนอง ระบุว่า หลังจากที่รัฐบาลได้เปิดโอกาสให้จดทะเบียนแรงงานต่างด้าวอีกครั้งหนึ่งในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ปรากฏว่ากลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ได้พยายามนำคนต่างด้าวชาวพม่าจากจังหวัดเกาะสอง เดินทางเข้ามายังจังหวัดระนองเป็นจำนวนมาก
โดยใช้เรือหางยาวเป็นพาหนะคิดค่าหัว 5,000-10,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการนำพาไปสู่จังหวัดชั้นในที่เป็นเป้าหมายตามใบสั่งในจังหวัดต่างๆ ทั้งในภาคกลาง และภาคใต้ ซึ่งส่วนใหญ่จะลักลอบเดินทางในเวลากลางคืน
