ปัตตานี – คนร้ายลวงเจ้าหน้าที่โทรแจ้งเกิดเหตุรถชน เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบเพียงรถจักรยานยนต์จอดอยู่ไม่มีคู่กรณี จึงนำรถกลับ สภ.สายบุรี ถึงโรงพักคนร้ายกดชนวนระเบิดส่งผลให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 1 นาย รถและโรงพักได้รับความเสียหาย
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (16 มิ.ย.) ขณะที่ พ.ต.อ.วัลลพ จำนงอาสา ผกก.สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายสิบนาย ปรากฏว่าได้เกิดระเบิดขึ้นเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว เจ้าหน้าที่ทุกนายต่างกระโดดหลบกันอลหม่าน จากนั้นรายงานให้นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.เข้าไปที่เกิดเหตุ พร้อมประสานไปยังชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและเจ้าหน้าที่กองวิทยาการเข้าตรวจสอบ
ปรากฏว่าพบร่างของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นายนอนจมกองเลือด ซึ่งในจำนวนนี้มีเสียชีวิต 1 นาย คือ ส.ต.ท.พิศาล ศิริอมาต อายุ 27 ปี ผบ.หมู่ ป.สภ.สายบุรี ทำหน้าที่พลขับสภาพศพอยู่ในชุดเครื่องแบบ มีสะเก็ดระเบิดทั่วร่าง ส่วนคนเจ็บเจ้าหน้าที่รีบนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช อ.สายบุรี ทราบชื่อคือ ด.ต.วิเชียร บุญเพชรศรี อายุ50 ปี และ ส.ต.อ.อาลี มูเก็ม อายุ 33 ปี แพทย์ได้ให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเนื่องจากอาการสาหัส ล่าสุดปราฏกว่า ด.ต.วิเชียร ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบซากรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายซุกระเบิดพังเสียหายจนเป็นเศษเหล็ก ตรวจสอบเป็นรถยี่ห้อฮอนด้า ทะเบียน กพต 807 ตรัง และพบรถยนต์กระบะสายตรวจ สภ.สายบุรี ยี่ห้อโยต้า ทะเบียน ถก 1452 กทม.สภาพพังเสียหายจากแรงระเบิด และมีรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ที่จอดอยู่บริเวณโรงพักเสียหายหลายคัน นอกจากนี้แรงระเบิดยังทำให้ตัวอาคารโรงพักได้รับความเสียหายหลายจุด
สอบสวนก่อนเกิดเหตุทราบว่า เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีเหตุรถชนกันบนถนนสายไม้แก่น-สายบุรี บ้านบางตาหยาด ต.ตะลุบัน จึงได้เข้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าเมื่อไปถึงพบเพียงรถจักรยานยนค์ คันที่คนร้ายซุกระเบิดและกองเลือด แต่ไม่พบคู่กรณีซึ่งเข้าใจว่าถูกนำส่งโรงพยาบาล
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปที่โรงพัก เมื่อมาถึงปรากฏว่า ขณะที่ทั้ง 3 นายกำลังเตรียมที่จะนำรถจักรยานยนต์ลงจากรถสายตรวจ ปรากฏว่าคนร้ายอีกกลุ่มที่ซุ่มอยู่บริเวณโรงพักได้กดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม แรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อกลุ่มคนร้ายได้วางแผนมาก่อนหน้านี้เพื่อลวงเจ้าหน้าที่จนกระทั่งเกิดเหตุขึ้นดังกล่าวเพื่อสร้างสถานการณ์
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (16 มิ.ย.) ขณะที่ พ.ต.อ.วัลลพ จำนงอาสา ผกก.สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายสิบนาย ปรากฏว่าได้เกิดระเบิดขึ้นเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว เจ้าหน้าที่ทุกนายต่างกระโดดหลบกันอลหม่าน จากนั้นรายงานให้นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.เข้าไปที่เกิดเหตุ พร้อมประสานไปยังชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและเจ้าหน้าที่กองวิทยาการเข้าตรวจสอบ
ปรากฏว่าพบร่างของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นายนอนจมกองเลือด ซึ่งในจำนวนนี้มีเสียชีวิต 1 นาย คือ ส.ต.ท.พิศาล ศิริอมาต อายุ 27 ปี ผบ.หมู่ ป.สภ.สายบุรี ทำหน้าที่พลขับสภาพศพอยู่ในชุดเครื่องแบบ มีสะเก็ดระเบิดทั่วร่าง ส่วนคนเจ็บเจ้าหน้าที่รีบนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช อ.สายบุรี ทราบชื่อคือ ด.ต.วิเชียร บุญเพชรศรี อายุ50 ปี และ ส.ต.อ.อาลี มูเก็ม อายุ 33 ปี แพทย์ได้ให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเนื่องจากอาการสาหัส ล่าสุดปราฏกว่า ด.ต.วิเชียร ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบซากรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายซุกระเบิดพังเสียหายจนเป็นเศษเหล็ก ตรวจสอบเป็นรถยี่ห้อฮอนด้า ทะเบียน กพต 807 ตรัง และพบรถยนต์กระบะสายตรวจ สภ.สายบุรี ยี่ห้อโยต้า ทะเบียน ถก 1452 กทม.สภาพพังเสียหายจากแรงระเบิด และมีรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ที่จอดอยู่บริเวณโรงพักเสียหายหลายคัน นอกจากนี้แรงระเบิดยังทำให้ตัวอาคารโรงพักได้รับความเสียหายหลายจุด
สอบสวนก่อนเกิดเหตุทราบว่า เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีเหตุรถชนกันบนถนนสายไม้แก่น-สายบุรี บ้านบางตาหยาด ต.ตะลุบัน จึงได้เข้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าเมื่อไปถึงพบเพียงรถจักรยานยนค์ คันที่คนร้ายซุกระเบิดและกองเลือด แต่ไม่พบคู่กรณีซึ่งเข้าใจว่าถูกนำส่งโรงพยาบาล
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปที่โรงพัก เมื่อมาถึงปรากฏว่า ขณะที่ทั้ง 3 นายกำลังเตรียมที่จะนำรถจักรยานยนต์ลงจากรถสายตรวจ ปรากฏว่าคนร้ายอีกกลุ่มที่ซุ่มอยู่บริเวณโรงพักได้กดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม แรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อกลุ่มคนร้ายได้วางแผนมาก่อนหน้านี้เพื่อลวงเจ้าหน้าที่จนกระทั่งเกิดเหตุขึ้นดังกล่าวเพื่อสร้างสถานการณ์