ยะลา – ผู้ช่วย ผบ.ตร.ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ บัญชาการติดตามไล่ล่าคนร้าย ยันหลายคดีอุจฉกรรจ์คืบหน้ามาก ระบุอาวุธสงครามที่ยิงมัสยิดที่นราฯ กลุ่มโจรใต้เคยใช้ปฏิบัติการสังหารเจ้าหน้าที่และประชาชนมาแล้วถึง 7 คดี
พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำคณะเดินทางลงมาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจในระดับผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาประชุมติดตามสถานการณ์ เร่งรัดการสืบสวนสอบสวนคดีสำคัญ ที่ห้องประชุมยะลารวมใจ ชั้น 2 อาคารศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนหน้า อ.เมือง จ.ยะลา พร้อมทั้งเยี่ยมบำรุงขวัญข้าราชการตำรวจ และประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบ
นอกจากนี้คณะของ พล.ต.ท.อดุลย์ยังได้ไปที่กูโบร์ บ้านกาโสด อ.บันนังสตา จ.ยะลา เพื่อเป็นประธานในพิธีพระราชทานดินฝังศพ ส.ต.ต.เกียงไกร พานแก้ว ผบ.หมู่ นปพ.สภ.บันนังสตา ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ และเดินทางยัง อ.เจาะไอร้องเพื่อตรวจสถานที่เกิดเหตุ กรณีที่มีกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงเข้าใส่มัสยิด ทำให้ชาวไทยมุสลิมที่กำลังทำพิธีละหมาดเสียชีวิต จำนวน 11 ราย และบาดเจ็บอีก 12 คน และตรวจสอบที่เกิดเหตุคนร้ายลอบยิง อส. อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ล่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วระเบิดซ้ำ ทำให้มีประชาชนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเมื่อช่วงต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.อดุลย์ กล่าวว่า ตนเองและคณะลงมาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในครั้งนี้ เพื่อมาติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมานั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทำงานกันอย่างเต็มที่ แต่กลุ่มคนร้ายก็ยังมีการปฏิบัติการที่มีความรุนแรงบ้าง สำหรับตัวเลขคดีนั้นทางเจ้าหน้าที่ของรัฐก็มีการควบคุม
นอกจากนี้ ผบ.ตร.ได้มีความห่วงใย พร้อมทั้งกำชับให้ตนลงมาติดตามความคืบหน้าคดีที่สำคัญๆ อาทิ คดียิงเข้าใส่ชาวบ้านที่ทำพิธีละหมาดในมัสยิดใน อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาสนั้น ตนเองได้ส่งชุดสืบสวนสอบสวนติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วคนร้ายใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุ 3 ชนิดคือ เอ็ม 16 อาก้าและปืนลูกซองยาว พบปลอกกระสุนปืน เอ็ม 16 จำนวน 95 ปลอก ปลอกกระสุนปืนอาก้า 5 ปลอก คดีคาร์บอมบ์ที่ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมาย ป.วิอาญาและรู้ตัวผู้ที่ก่อเหตุยิง อส.ในครั้งนี้แล้ว
ส่วนคดีที่คนร้ายยิงพระวัดวาลุการาม บ้านคลองทรายใน หมู่ที่ 5 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา จนทำให้พระมรณภาพ 1 รูป และบาดเจ็บสาหัสอีก 1 รูป ขณะออกบิณฑบาตบนถนนสาย 418 บ้านคลองขุด–ท่าสาป รู้ตัวผู้ที่ก่อเหตุในครั้งนี้แล้ว
สำหรับปืนอาก้าที่ใช้ยิงเป็นปืนที่เคยใช้ก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่และประชาชนมาแล้ว 7 ครั้ง ในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี คนร้ายที่ก่อเหตุจำนวน 2 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายจับในเร็วๆ นี้
ด้านการให้ช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ให้ความช่วยเหลือในเรื่องทุนการศึกษาให้กับทายาทของผู้ที่เสียชีวิต รวมถึงจะดำเนินการหาอาชีพให้กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่ไม่สามารถทำงานหนักได้ ทั้งการให้เงินทุนในการประกองอาชีพเกษตรกร เลี้ยงสัตว์และปลูกผักสวนครัว ทั้งนี้จะดำเนินการควบคู่ไปกับการช่วยเหลือของทางจังหวัด เพื่อให้ความช่วยเหลือครอบคลุมในทุกด้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ยะลาว่า เมื่อเวลา 16.00 น. วานนี้ (12 มิ.ย.) ที่ศาลาการเปรียญ วัดวาลุการาม หรือวัดคลองทรายใน หมู่ที่ 5 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพของพระสมบัติ ศรีสุวรรณวิเชียร ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตขณะออกบิณฑบาต โดยมี นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พล.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายกฤษฎา บุญราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา (ฝ่ายความมั่นคง) และประชาชนในพื้นที่ ข้าร่วมในพิธีรดน้ำศพเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจ
ในโอกาสนี้ พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 ได้นำเงินช่วยเหลือเบื้องต้นโดยมอบให้แก่ พระสมุห์คล่อง สิทธิประภาโส เจ้าอาวาสวัดคลองทรายใน และนายกฤษฎา บุญราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา (ฝ่ายความมั่นคง) ได้นำเงินช่วยเหลือตามโครงการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ มามอบให้กับทายาทของพระสมบัติด้วย สำหรับศพของ พระสมบัติ ศรีสุวรรณวิเชียร จะทำพิธีสวดบำเพ็ญกุศลทุกวันที่ศาลาการเปรียญ วัดวาลุการาม โดยจะมีพิธีฌาปนกิจในวันเสาร์ที่ 20 มิ.ย.นี้
จากนั้นเมื่อเวลา 18.00 น. นายเจ๊ะอามิง โต๊ะตันหยง ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงประจำสภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมและให้กำลังใจ พร้อมทั้งรับฟังข้อมูลจากพระและ ประชาชนที่วัดคลองทรายใน ซึ่งการเข้าพบปะเยี่ยมเยือนประชาชนในครั้งนี้มีพระสงฆ์และประชาชนออกมาให้ข้อมูลในหลายด้าน และทางคณะกรรมาธิการความมั่นคงก็ได้นำข้อมูลทั้งหมด เพื่อนำไปผลักดันแก้ไขปัญหาวิกฤตไฟใต้ต่อไป