ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผอ.ศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่ 40 ภูเก็ตเผยเด็กเยาวชนเข้าสู่การประกอบอาชีพที่ไม่เหมาะสมเพิ่มมากขึ้นเหตุความเปลี่ยนแปลงของสังคมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและค่านิยมที่เปลี่ยนแปลงไป
นายสุทรรศน์ โพชากรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่ 40 จังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงสถานการณ์เด็กและเย่วชนที่ประกอบอาชีพไม่เหมาะสม ว่า กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นั้นมีภารกิจที่มุ่งเน้นการป้องกันเด็กและเยาวชนถูกล่อลวงไปในทางที่เสื่อมเสียไม่ว่าจะเป็นการนำไปสู่การค้าประวณี การละเมิดทางเพศ ตลอดจนการติดยาเสพติด การค้ามนุษย์ การทารุณกรรมแก่เด็กและเยาวชน
โดยเฉพาะสังคมปัจจุบันซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามกระแสโลกาภิวัฒน์ ทำให้สังคมไทยได้รับอิทธิพลดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่มีค่านิยมในวัตถุและยอมรับในวัฒนธรรมตะวันตก ทำให้เด็กและเยาวชนบางส่วนขายบริการทางเพศเพื่อแลกกับวัตถุสิ่งของต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการหลอกลวง ลักพา ล่อลวงสตรีหรือเยาวสตรี และเยาวชนไปประกอบอาชีพในทางที่เสื่อมเสียมากขึ้น
ปัจจุบันสถิติของเด็กที่ประกอบอาชีพอันไม่เหมาะสมตลอดจนการกระทำผิดกฎหมาย การติดยาเสพติด การถูกล่อลวงละเมิดทางเพศ ได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นทางศูนย์พัฒนาสังคมที่ 40 จึงตั้งเป้าหมายการให้ความรู้แก่กลุ่มเยาวสตรี เพื่อให้รู้ถึงอันตรายที่เกิดจากการถูกล่อลวง และเป็นการสร้างเครือข่ายองค์กรสตรีให้เข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหา กระตุ้นหรือสร้างความตระหนักให้สังคมได้เห็นความสำคัญของปัญหา ตลอดจนเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์ซึ่งกันและกันด้วย
ทางด้านนายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวเสริมว่า การให้ความรู้กับเยาวสตรีจะเป็นหนทางหนึ่งที่กระตุ้นให้ได้ช่วยกันตระหนักถึงภัยอันตราย และรู้จักการระมัดระวังตนเองให้พ้นจากภัยอันตรายของการถูกล่อลวง ตลอดจนรู้จักหลีกเลี่ยงและสังเกตพฤติกรรมของบุคคลที่ประสงค์ร้ายต่อตนเอง แม้แต่การไว้วางใจบุคคลใกล้ชิด เนื่องจากความด้อยประสบการณ์ของเยาวสตรี กอรปกับปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและด้อยศีลธรรมเป็นผลให้ผู้ประกอบการในทางมิจฉาชีพเกิดขึ้นมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการล่อลวงหญิงหรือเยาวสตรีไปประกอบอาชีพในทางเสื่อมเสียศีลธรรม ซึ่งมีวิวัฒนาการและกระบวนการที่ซับซ้อน
โดยในส่วนของรัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ทางหนึ่ง คือ การให้ความรู้และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เยาวสตรีรู้จักระมัดระวังตนเองและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเมื่อเกิดเหตุการณ์คับขันได้ เพื่อบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวให้ลดน้อยลง
นายสุทรรศน์ โพชากรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่ 40 จังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงสถานการณ์เด็กและเย่วชนที่ประกอบอาชีพไม่เหมาะสม ว่า กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นั้นมีภารกิจที่มุ่งเน้นการป้องกันเด็กและเยาวชนถูกล่อลวงไปในทางที่เสื่อมเสียไม่ว่าจะเป็นการนำไปสู่การค้าประวณี การละเมิดทางเพศ ตลอดจนการติดยาเสพติด การค้ามนุษย์ การทารุณกรรมแก่เด็กและเยาวชน
โดยเฉพาะสังคมปัจจุบันซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามกระแสโลกาภิวัฒน์ ทำให้สังคมไทยได้รับอิทธิพลดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่มีค่านิยมในวัตถุและยอมรับในวัฒนธรรมตะวันตก ทำให้เด็กและเยาวชนบางส่วนขายบริการทางเพศเพื่อแลกกับวัตถุสิ่งของต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการหลอกลวง ลักพา ล่อลวงสตรีหรือเยาวสตรี และเยาวชนไปประกอบอาชีพในทางที่เสื่อมเสียมากขึ้น
ปัจจุบันสถิติของเด็กที่ประกอบอาชีพอันไม่เหมาะสมตลอดจนการกระทำผิดกฎหมาย การติดยาเสพติด การถูกล่อลวงละเมิดทางเพศ ได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นทางศูนย์พัฒนาสังคมที่ 40 จึงตั้งเป้าหมายการให้ความรู้แก่กลุ่มเยาวสตรี เพื่อให้รู้ถึงอันตรายที่เกิดจากการถูกล่อลวง และเป็นการสร้างเครือข่ายองค์กรสตรีให้เข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหา กระตุ้นหรือสร้างความตระหนักให้สังคมได้เห็นความสำคัญของปัญหา ตลอดจนเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์ซึ่งกันและกันด้วย
ทางด้านนายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวเสริมว่า การให้ความรู้กับเยาวสตรีจะเป็นหนทางหนึ่งที่กระตุ้นให้ได้ช่วยกันตระหนักถึงภัยอันตราย และรู้จักการระมัดระวังตนเองให้พ้นจากภัยอันตรายของการถูกล่อลวง ตลอดจนรู้จักหลีกเลี่ยงและสังเกตพฤติกรรมของบุคคลที่ประสงค์ร้ายต่อตนเอง แม้แต่การไว้วางใจบุคคลใกล้ชิด เนื่องจากความด้อยประสบการณ์ของเยาวสตรี กอรปกับปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและด้อยศีลธรรมเป็นผลให้ผู้ประกอบการในทางมิจฉาชีพเกิดขึ้นมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการล่อลวงหญิงหรือเยาวสตรีไปประกอบอาชีพในทางเสื่อมเสียศีลธรรม ซึ่งมีวิวัฒนาการและกระบวนการที่ซับซ้อน
โดยในส่วนของรัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ทางหนึ่ง คือ การให้ความรู้และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เยาวสตรีรู้จักระมัดระวังตนเองและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเมื่อเกิดเหตุการณ์คับขันได้ เพื่อบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวให้ลดน้อยลง
