คนร้ายถล่มอาวุธสงครามใส่ รปภ.แพปลาปัตตานีดับอนาถ

ปัตตานี – เกิดเหตุคนร้ายควบจักรยานยนต์ใช้อาวุธสงครามประกบยิง รปภ.แพเรือปัตตานีเสียชีวิต 1 ราย ระหว่างกลับจากที่ทำงาน และนำปืน วิทยุสื่อสาร โทรศัพท์มือถือผู้ตายไปด้วย

วันนี้ (23พ.ค.) เมื่อเวลา 06.10 น.ร.ต.ท.คณนาถ ไพนุพงศ์ ร้อยเวรรับแจ้งเหตุ สภ.เมือง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุยิงกันบริเวณถนนทางเข้าหมู่บ้าน ม.7 บ้านตูตง ต.บาราเฮาะ อ.เมือง จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที่ 1 ราย จึงเรียนผู้บังคับบัญชาทราบ และนำกำลังพร้อมกันที่เกิดเหตุทันที

เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุพบมีผู้เสียชีวิต 1 รายนอนคว่ำหน้าสภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงครามบริเวณศีรษะสมองเปิดและบริเวณร่างกาย จำนวนหลายนัด ทราบชื่อคือ นายแวอาแซ ดอเลาะ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 ม.7 ต.บาราเฮาะ อาชีพ รปภ.แพเรือสมบัติ (แพเบอร์5)ทำหน้าที่เวรยาม และมีรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย ยี่ห้อซูซุกิรุ่นแสมช สีเหลือง ดำ หมายเลขทะเบียน ก ง ต 781 ปน จอดบริเวณจุดเกิดเหตุ ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนสงคราม เอชเค 11 มม. และอาก้า จำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จาการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวกลับมาจากเข้าเวรยามที่แพเรือดังกล่าวเพียงลำพัง โดยผู้ตายจะไปกลับเป็นประจำทุกวัน เมื่อถึงแยกสาย410 ปัตตานี – ยะลา ซึ่งเป็นทางเข้าบ้าน ได้มีคนร้ายจำนวน 4 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะจำนวน 2 คัน ขับตามหลังแล้วประกบยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นขนาด 11 มม.ยิง และตามไปด้วยอาวุธปืนเอชเคและอาก้า จำนวนหลายนัด ทำให้ผู้ตายเสียหลักล้มข้างทางบริเวณหน้าที่ทำการกลุ่มอาชีพตัดเย็บของใช้

หลังจากนั้นคนร้ายได้หยิบอาวุธปืนพกสั้นขนาด 11 มม.จำนวน 1 กระบอก วิทยุสื่อสาร จำนวน 1 เครื่อง และเครื่องโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง ก่อนเร่งเครื่องหลบหนีอย่างลอยนวล

ส่วนประเด็นสาเหตุคาดว่าเป็นการก่อความไม่สงบในพื้นที่ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ทิ้งประเด็นอื่นๆ เนื่องจากผู้ตายยังมีตำแหน่งชุดรักษาความสงบหมู่บ้าน(ชรบ.)และได้เป็นบุคคลที่ให้ให้ข้อมูลการเคลื่อนไหวของผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ให้กับทางการ แล้วยังเป็นฝ่ายประสานงานที่ดีระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับประชาชนในพื้นที่โดยไม่เกรงกลัวต่ออำนาจอิทธิพลใดๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากข้อมูลด้านความมั่นคงได้มีการรายงานการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่มาบ่อยครั้งมาก แต่กลับไม่มีการดำเนินการใดๆนอกจากเป็นเพียงข้อมูลไว้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จึงทำให้สายข่าวในพื้นที่ถูกพลีชีพมาแล้วหลายราย จึงอยากให้ผู้บังคับบัญชานำไปบังคับใช้ด้วยอย่างน้อยเพื่อสามารถยับยั้งเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ