ตรัง – ประมงจังหวัดตรังส่งชุดเชี่ยวชาญเร่งจับจระเข้ที่ อ.ย่านตาขาว หลังชาวบ้านจับจระเข้เพศเมียได้เมื่อวันก่อน ปรากฏว่า ยังมีตัวผู้หลงเหลืออยู่อีก 1 ตัว คาดว่า ความยาวกว่า 2 เมตร เกรงจะทำร้ายชาวบ้าน
วันนี้ (27 เม.ย.) นายสุริยะ วิฑูรพันธ์ ประมงจังหวัดตรัง กล่าวถึงกรณีที่ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลในควน อำเภอย่านตาขาว สามารถจับจระเข้ เพศเมีย ได้ 1 ตัว น้ำหนักประมาณ 40 กิโลกรัม ความยาว 1.70 เมตร จากคลองลำพิกุล คลองสายใหญ่ในพื้นที่อำเภอย่านตาขาว ซึ่งน้ำจะไหลลงสู่แม่น้ำปะเหลียน แม่น้ำตรัง และทะเลอันดามัน ในที่สุด ขณะเดียวกัน ก็มีอีกตัวหนึ่งที่หนีรอดไปได้นั้น
นายสุริยะ กล่าวว่า หลังทราบเรื่องผ่านสื่อมวลชน และได้รับการประสานมาจากนายอำเภอย่านตาขาว ตนได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดเชี่ยวชาญปราบจระเข้ นำโดย นายทวีวัฒน์ หลงขาว เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ เพื่อวางแผนในการค้นหาตัวที่เหลือต่อไป ซึ่งเบื้องต้นสันนิษฐาน ว่า จระเข้ทั้งสองตัว น่าจะหลุดมาจากฟาร์มใดฟาร์มหนึ่งในพื้นที่ ซึ่งจากการค้นหาและจากการพูดคุยกับชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ ทำให้ทราบว่าในคลองลำพิกุล มีจระเข้ทั้งหมด 2 ตัว ตัวที่หนีรอดไปได้นั้น น่าจะเป็นเพศผู้ ความยาวกว่า 2 เมตร โดยมีขนาดตัวใหญ่มาก น้ำหนักประมาณ 80 กิโลกรัม
นายวีระ เกิดศิริมงคล นายอำเภอย่านตาขาว กล่าวว่า ตนเองได้ส่งเจ้าหน้าที่ อส. เข้าไปช่วยชาวบ้านในพื้นที่ค้นหา ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา แต่ยังไม่พบตัว และมันก็ได้ถูกกระสุนปืนของชาวบ้านด้วย จึงคาดว่า คงหลบกบดานอยู่พงหญ้าลำน้ำดังกล่าว และล่าสุดได้รายงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้รับทราบเรื่องแล้ว ซึ่งได้สั่งกำชับให้ค้นหาและจับตัวที่เหลือให้ได้โดยเร็ว เพื่อความปลอดภัยของชาวบ้านในพื้นที่ เพราะหลายคนหวาดผวา และไม่กล้าลงเล่นน้ำอีกต่อไป พร้อมทั้งประสานไปยังสำนักงานประมงจังหวัดตรัง เพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญในการจับจระเข้ให้เข้ามาร่วมค้นหาแล้ว
นายอำเภอย่านตาขาว กล่าวอีกว่า จระเข้ที่พบในลำคลองพิกุลนั้น เชื่อว่าน่าจะมาฟาร์มเลี้ยงจระเข้ฟาร์มใดฟาร์มหนึ่ง จาก 2 ฟาร์มที่ตั้งอยู่ริมคลองลำพิกุล และน่าจะหลุดมาเมื่อคราวน้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดตรังเมื่อปี 2548 แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าของฟาร์มทั้งสองก็ยืนยันว่า จระเข้ที่ฟาร์มเขาไม่ได้หลุดออกไปแต่อย่างใด แต่ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าจะต้องมาฟาร์มใดฟาร์มหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ยืนยันว่าทางอำเภอจะร่วมกับเจ้าหน้าที่ประมงติดตามจับจระเข้ตัวที่เหลือมาให้ได้ เพราะเกรงจะเป็นอันตรายต่อประชาชน พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านในพื้นที่ระมัดระวังในการลงไปแม่น้ำคลองลำพิกุลในระยะนี้ หรือจนกว่าเจ้าหน้าที่จะจับกุมตัวที่เหลือมาได้
วันนี้ (27 เม.ย.) นายสุริยะ วิฑูรพันธ์ ประมงจังหวัดตรัง กล่าวถึงกรณีที่ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลในควน อำเภอย่านตาขาว สามารถจับจระเข้ เพศเมีย ได้ 1 ตัว น้ำหนักประมาณ 40 กิโลกรัม ความยาว 1.70 เมตร จากคลองลำพิกุล คลองสายใหญ่ในพื้นที่อำเภอย่านตาขาว ซึ่งน้ำจะไหลลงสู่แม่น้ำปะเหลียน แม่น้ำตรัง และทะเลอันดามัน ในที่สุด ขณะเดียวกัน ก็มีอีกตัวหนึ่งที่หนีรอดไปได้นั้น
นายสุริยะ กล่าวว่า หลังทราบเรื่องผ่านสื่อมวลชน และได้รับการประสานมาจากนายอำเภอย่านตาขาว ตนได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดเชี่ยวชาญปราบจระเข้ นำโดย นายทวีวัฒน์ หลงขาว เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ เพื่อวางแผนในการค้นหาตัวที่เหลือต่อไป ซึ่งเบื้องต้นสันนิษฐาน ว่า จระเข้ทั้งสองตัว น่าจะหลุดมาจากฟาร์มใดฟาร์มหนึ่งในพื้นที่ ซึ่งจากการค้นหาและจากการพูดคุยกับชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ ทำให้ทราบว่าในคลองลำพิกุล มีจระเข้ทั้งหมด 2 ตัว ตัวที่หนีรอดไปได้นั้น น่าจะเป็นเพศผู้ ความยาวกว่า 2 เมตร โดยมีขนาดตัวใหญ่มาก น้ำหนักประมาณ 80 กิโลกรัม
นายวีระ เกิดศิริมงคล นายอำเภอย่านตาขาว กล่าวว่า ตนเองได้ส่งเจ้าหน้าที่ อส. เข้าไปช่วยชาวบ้านในพื้นที่ค้นหา ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา แต่ยังไม่พบตัว และมันก็ได้ถูกกระสุนปืนของชาวบ้านด้วย จึงคาดว่า คงหลบกบดานอยู่พงหญ้าลำน้ำดังกล่าว และล่าสุดได้รายงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้รับทราบเรื่องแล้ว ซึ่งได้สั่งกำชับให้ค้นหาและจับตัวที่เหลือให้ได้โดยเร็ว เพื่อความปลอดภัยของชาวบ้านในพื้นที่ เพราะหลายคนหวาดผวา และไม่กล้าลงเล่นน้ำอีกต่อไป พร้อมทั้งประสานไปยังสำนักงานประมงจังหวัดตรัง เพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญในการจับจระเข้ให้เข้ามาร่วมค้นหาแล้ว
นายอำเภอย่านตาขาว กล่าวอีกว่า จระเข้ที่พบในลำคลองพิกุลนั้น เชื่อว่าน่าจะมาฟาร์มเลี้ยงจระเข้ฟาร์มใดฟาร์มหนึ่ง จาก 2 ฟาร์มที่ตั้งอยู่ริมคลองลำพิกุล และน่าจะหลุดมาเมื่อคราวน้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดตรังเมื่อปี 2548 แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าของฟาร์มทั้งสองก็ยืนยันว่า จระเข้ที่ฟาร์มเขาไม่ได้หลุดออกไปแต่อย่างใด แต่ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าจะต้องมาฟาร์มใดฟาร์มหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ยืนยันว่าทางอำเภอจะร่วมกับเจ้าหน้าที่ประมงติดตามจับจระเข้ตัวที่เหลือมาให้ได้ เพราะเกรงจะเป็นอันตรายต่อประชาชน พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านในพื้นที่ระมัดระวังในการลงไปแม่น้ำคลองลำพิกุลในระยะนี้ หรือจนกว่าเจ้าหน้าที่จะจับกุมตัวที่เหลือมาได้
