ศูนย์ข่าวภูเก็ต -ผู้ต้องหาคดีทำปืนลั่นใส่เด็กชายวัย 11 ปี เสียชีวิตคาร้านเกม ก่อนนำศพไปทิ้งกลางป่าใกล้สนามบินภูเก็ต เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว โดยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เผยเด็กมาเล่นเกมร้านประจำและรักเด็กคนนี้เหมือนลูกตัวเอง
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (24 เม.ย.) นายเอกวุฒิ พิพัฒรัตนะ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 ตรอกวัดพายัพ ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา เจ้าของร้าน ดร.คอมอิเล็กทรอนิกส์ เซ็นเตอร์ ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 38/12 หมู่ที่ 3 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดบางเทา ทำปืนลั่นใส่ศีรษะน้องกาก้า หรือ ด.ช.อมรเทพ ปัญญาสิริกุล อายุ 12 ปี ในขณะนั่งเล่นเกมอยู่ในร้านดังกล่าว เมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา ได้เดินทางมาพร้อมภรรยาและนายสุมิตร สืบสิน ส.อบจ.ภูเก็ต มามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต
ทั้งนี้ นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.ปวีณ พงษ์สิรินทร์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และพ.ต.อ.ชลิต แก้วยะรัตน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.วิทร์ กองสุดใจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจเชิงทะเล ณ.ห้องประชุมกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต โดยแจ้งข้อหาฐานกระการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่น ถึงแก่ความตาย และปิดบังอำพรางซ่อนเร้นศพ
หลังก่อเหตุทำอาวุธปืนขนาด .38 ลูกโม่ ลั่นใส่ ด.ช.อมรเทพ ปัญญาศิริกุล หรือน้อง กาก้า อายุ 11 ปี เสียชีวิต ภายในร้าน “ดร.คอมอิเล็กทรอนิกส์ เซ็นเตอร์” เลขที่ 38/12 ถนนศรีสุนทร-หาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล หมู่ 2 อำเภอถลาง เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2552 ที่ผ่านมา ก่อนนำศพขึ้นรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ สีแดง หมายเลขทะเบียน กท-2254 ภูเก็ต ไปทิ้งกลางป่าใกล้กับสนามบินนานาชาติภูเก็ต และขับรถพาบุตรชายอายุ 4 ขวบ หลบหนีไปหาภรรยา ซึ่งเป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนบ้านบางเทา ซึ่งเข้ารับการอบรมอยู่ที่กรุงเทพมหานคร
สอบสวนเบื้องต้น นายเอกวุฒิรับสารภาพว่ารู้จักเป็นอย่างดีกับน้องกาก้า ซึ่งมาเล่นเกมส์ที่ร้านเป็นประจำ และเป็นเพื่อนเล่นกับบุตรชาย วันเกิดเหตุตนนำอาวุธปืนขนาด .38 ลูกโม่ ที่ซื้อต่อมาจากชายชาวพม่า ในราคา 2,000 บาท ออกมาทำความสะอาด โดยเทกระสุนออกหมดแล้ว ก่อนจะหยอกล้อกับน้องกาก้า แต่ไม่ทราบว่า มีกระสุนเหลืออยู่ในรังเพลิงอีก 1 นัด ลั่นใส่น้องกาก้าเสียชีวิต
ตนยืนยันว่าไม่ได้เจตนาให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจนเป็นเหตุให้น้องกาก้าเสียชีวิต เพราะตนเองรู้จักกับครอบครัว และรักน้องกาก้าเหมือนลูก ตอนที่เกิดเหตุตนตั้งใจจะพาน้องกาก้าไปโรงพยาบาล แต่เมื่อเห็นน้องกาก้า เสียชีวิต เกิดความตกใจ และทราบว่าชาวบ้านได้รวมตัวกันเป็นจำนวนมาก เกรงว่าจะถูกชาวบ้านรุมทำร้ายลูกชายวัย 4 ขวบ จึงต้องนำศพน้องกาก้า ไปทิ้งไว้ในป่าใกล้กับสนามบินนานาชาติภูเก็ต ก่อนที่จะโทรศัพท์ไปแจ้งที่ 1669 เพื่อให้เจ้าหน้าที่เดินทางมารับศพน้องกาก้า แต่เจ้าหน้าที่ 1669 บอกว่า ไม่ใช่หน้าที่รับผิดชอบ ให้ไปแจ้งกับ 191 ตนจึงโทรแจ้งไปยัง 191 ก่อนที่จะขับรถพาบุตรชายวัย 4 ขวบ มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อไปหาภรรยา ซึ่งเข้ารับการอบรมอยู่
ทั้งนี้ ตนตั้งใจจะมอบตัวอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องการหลบไปตั้งหลักเท่านั้น เพราะรู้จักเป็นอย่างดีกับครอบครัวน้องกาก้า ไม่ได้ตั้งจะให้เกิดความสูญเสียเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ นายเอกวุฒิทราบ และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป