นครศรีธรรมราช – กลุ่มโจรโฉดบุกปล้นบ้านเจ้าของปั๊มน้ำมันวัย 60 ปี ใน อ.ชะอวด ขณะกำลังพักผ่อนอยู่กับแม่และหลานภายในบ้าน กวาดทรัพย์สินเรียบแม้แต่พระรุ่นเก่า แต่เจ้าของเกิดอาการเสียดายเลยต่อสู้ คนร้ายจึงทำร้ายร่างกายและยิงจนเสียชีวิต
วันนี้ (18 เม.ย.) เมื่อเวลา 06.00 น. พ.ต.ท.โกวิทย์ ปล้องบรรจง สารวัตรเวรสภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุปล้นทรัพย์และฆ่าเจ้าทรัพย์ ที่บ้านเลขที่ 159/13 หมู่ 5 ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จึงเข้าทำการสอบสวนในที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยสายตรวจตำบล แพทย์เวรและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย
ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านตึกสองชั้นหลังใหญ่ ที่ชั้นล่างพบว่าข้าวของถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย ประตูห้องครัวหลังบ้านมีรอยถูกงัด ส่วนที่ชั้นสองของบ้านบริเวณห้องโถงพบศพ นางชำนาญ รุ่งเอียด อายุ 60 ปี เจ้าของบ้านถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด.38 เข้าที่หน้าอกด้านซ้าย 1 นัด กระสุนฝังใน และกลางหน้าอกอีก 1 นัดกระสุนทะลุด้านหลัง หน้าตาปูดบวม โดยมีหลานสาวอายุ 12 ปี 8 ขวบ และนางพริ้ม ป่านนาค อายุ 80 ปี แม่ของนางชำนาญ กอดศพร้องให้เป็นที่น่าเวทนา
สอบสวนทราบว่า นางชำนาญเป็นเจ้าของปั๊มน้ำมัน หจก.รุ่งแสนปิโตรเลียม ตั้งอยู่ริมถนนสายบ่อล้อ – ชะอวด หมู่ 4 ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เป็นคนมีฐานะดีจัดอยู่ในขั้นเศรษฐีคนหนึ่ง ขณะพักผ่อนอยู่ในบ้านพัก พร้อมแม่และหลาน ได้มีคนร้ายเป็นชาย 5 คน สวมหมวกไหมพรมสีดำปิดบังใบหน้า พร้อมอาวุธปืนครบมือ งัดประตูห้องครัวชั้นล่างเข้ามา ใช้ปืนขู่บังคับให้ทุกคนในบ้านไปรวมตัวกันที่ห้องโถง ก่อนรื้อค้นทรัพย์สิน เป็นเงินสดประมาณ 50,000 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 2 เส้น พร้อมพระเลี่ยมทอง 2 องค์ พระเครื่องเก่าแก่ และวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ รุ่นต่างๆกว่า 100 องค์ และเครื่องประดับอื่นๆ อีกหลายรายการ
ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีไป นางชำนาญ ได้ร้องขอพระเครื่องเก่าแก่จำนวนหนึ่งคืนจากคนร้าย แต่คนร้ายไม่ยอมคืนให้ ด้วยความเสียดายนางชำนาญลุกขึ้นยื้อแย่ง จึงถูกคนร้ายใช้ด้ามปืนตีศีรษะเป็นแผลแตกเลือดอาบ ผู้ตายหวีดร้องตะโกนให้คนช่วย จึงถูกคนร้าย 1 ใน 5 ใช้ปืนยิงจนเสียชีวิต ต่อหน้าคนในบ้าน ก่อนจะพากันขึ้นรถยนต์ที่จอดซุ่มไว้ริมถนน ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 150 เมตร ขับหลบหนีมุ่งหน้าไปทางถนนเอเชียสาย 41
หลังทราบรายละเอียด เจ้าหน้าที่ได้วิทยุสกัดพร้อมจัดกำลังติดตามคนร้าย แต่ไม่พบกลุ่มคนร้ายดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายรู้ความเคลื่อนไหวของผู้ตายเป็นอย่างดี และรู้ว่าส่วนใหญ่ในบ้านมีแค่คนแก่กับเด็ก ก่อนที่จะบุกเข้าปล้นดังกล่าวซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไปแล้ว
วันนี้ (18 เม.ย.) เมื่อเวลา 06.00 น. พ.ต.ท.โกวิทย์ ปล้องบรรจง สารวัตรเวรสภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุปล้นทรัพย์และฆ่าเจ้าทรัพย์ ที่บ้านเลขที่ 159/13 หมู่ 5 ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จึงเข้าทำการสอบสวนในที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยสายตรวจตำบล แพทย์เวรและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย
ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านตึกสองชั้นหลังใหญ่ ที่ชั้นล่างพบว่าข้าวของถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย ประตูห้องครัวหลังบ้านมีรอยถูกงัด ส่วนที่ชั้นสองของบ้านบริเวณห้องโถงพบศพ นางชำนาญ รุ่งเอียด อายุ 60 ปี เจ้าของบ้านถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด.38 เข้าที่หน้าอกด้านซ้าย 1 นัด กระสุนฝังใน และกลางหน้าอกอีก 1 นัดกระสุนทะลุด้านหลัง หน้าตาปูดบวม โดยมีหลานสาวอายุ 12 ปี 8 ขวบ และนางพริ้ม ป่านนาค อายุ 80 ปี แม่ของนางชำนาญ กอดศพร้องให้เป็นที่น่าเวทนา
สอบสวนทราบว่า นางชำนาญเป็นเจ้าของปั๊มน้ำมัน หจก.รุ่งแสนปิโตรเลียม ตั้งอยู่ริมถนนสายบ่อล้อ – ชะอวด หมู่ 4 ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เป็นคนมีฐานะดีจัดอยู่ในขั้นเศรษฐีคนหนึ่ง ขณะพักผ่อนอยู่ในบ้านพัก พร้อมแม่และหลาน ได้มีคนร้ายเป็นชาย 5 คน สวมหมวกไหมพรมสีดำปิดบังใบหน้า พร้อมอาวุธปืนครบมือ งัดประตูห้องครัวชั้นล่างเข้ามา ใช้ปืนขู่บังคับให้ทุกคนในบ้านไปรวมตัวกันที่ห้องโถง ก่อนรื้อค้นทรัพย์สิน เป็นเงินสดประมาณ 50,000 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 2 เส้น พร้อมพระเลี่ยมทอง 2 องค์ พระเครื่องเก่าแก่ และวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ รุ่นต่างๆกว่า 100 องค์ และเครื่องประดับอื่นๆ อีกหลายรายการ
ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีไป นางชำนาญ ได้ร้องขอพระเครื่องเก่าแก่จำนวนหนึ่งคืนจากคนร้าย แต่คนร้ายไม่ยอมคืนให้ ด้วยความเสียดายนางชำนาญลุกขึ้นยื้อแย่ง จึงถูกคนร้ายใช้ด้ามปืนตีศีรษะเป็นแผลแตกเลือดอาบ ผู้ตายหวีดร้องตะโกนให้คนช่วย จึงถูกคนร้าย 1 ใน 5 ใช้ปืนยิงจนเสียชีวิต ต่อหน้าคนในบ้าน ก่อนจะพากันขึ้นรถยนต์ที่จอดซุ่มไว้ริมถนน ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 150 เมตร ขับหลบหนีมุ่งหน้าไปทางถนนเอเชียสาย 41
หลังทราบรายละเอียด เจ้าหน้าที่ได้วิทยุสกัดพร้อมจัดกำลังติดตามคนร้าย แต่ไม่พบกลุ่มคนร้ายดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายรู้ความเคลื่อนไหวของผู้ตายเป็นอย่างดี และรู้ว่าส่วนใหญ่ในบ้านมีแค่คนแก่กับเด็ก ก่อนที่จะบุกเข้าปล้นดังกล่าวซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไปแล้ว
