ศูนย์ข่าวภูเก็ต -นักลงทุนในภูเก็ตไม่หวั่นแม้เศรษฐกิจตกต่ำ ควักกระเป๋า 12 ล้าน เปิดร้านอาหารสุกี้สไตล์ญี่ปุ่น “โมะโตะ ชาบู ชาบู” สร้างทางเลือกให้คนภูเก็ตที่ชื่นชอบสุกี้สไตล์ญี่ปุ่น เผยเปิดสาขาแรกเมื่อปีที่แล้วลูกค้าตอบรับดีมากจนต้องเปิดสาขาสองรองรับ
นายชัยโรจน์ โลจนะรุ่งสิริ เจ้าของร้านอาหาร โมะ โตะ ชาบู ชาบู เปิดเผยว่า จากการที่ตนเป็นคนที่นิยมรับประทานอาหารประเภทชาบูมากในช่วงที่ทำธุรกิจอยู่ในกรุงเทพฯ แต่เมื่อย้ายมาทำธุรกิจที่หาดป่าตอง จ. ภูเก็ต ด้วยการเปิดร้านเทเลอร์ เมื่อปี 2547 ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์สึนามิ ไม่สามารถที่จะหาอาหารประเภทสุกี้แบบชาบูรับประทานได้ จึงได้คิดค้นสูตรอาหารประเภทชาบูเองทั้งในส่วนของน้ำซุปและน้ำจิ้ม โดยคิดค้นสูตรอยู่ประมาณ 1 ปีกว่าๆ ก็ได้สูตรเป็นที่พอใจ
เมื่อเปรียบเทียบกับสุกี้ที่มีจำหน่ายอยู่ในภูเก็ตรสชาติก็ไม่ได้ด้อยกว่ากัน จึงได้ตัดสินใจเปิดเป็นร้านอาหาร “โมะ โตะ ชาบู ชาบู ” สาขาแรกที่ห้างโฮมเวิร์คภูเก็ต ตรงข้ามกับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เฟสติวัลภูเก็ตเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งการเปิดให้บริการที่สาขาแรกนั้นทางเราไม่ได้หวังว่าจะมีกำไรอะไรมากมาย เพียงแต่ต้องการที่จะสร้างทางเลือกให้กับคนภูเก็ตเท่านั้น ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าในภูเก็ตมาก มีลูกค้ามาใช้บริการเกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยในวันเสาร์-อาทิตย์ มีลูกค้าใช้บริการวันละ 200-250 คน ส่วนวันธรรมดาเฉลี่ยวันละประมาณ 170 คน
ทั้งนี้เนื่องจากชาบู ชาบู เป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับคนภูเก็ต ที่เป็นสุกี้สไตล์ญี่ปุ่นที่ยังไม่เคยมีให้บริการในภูเก็ตมาก่อน ประกอบกับอาหารที่นำมาให้บริการลูกค้าเป็นอาหารที่สด ใหม่ มีคุณภาพสูง และมีให้ลูกค้าเลือกกว่า 60 ชนิด ที่สลับสับเปลี่ยนกันไป ลูกค้าสามารถรับประทานได้เต็มที่โดยไม่ต้องกลัวว่างบจะบานปลาย เพราะเราให้บริการแบบบุฟเฟต์หัวละ 279 บาทเท่านั้น ซึ่งคุ้มค่ามากหากมารับประทานกับเป็นครอบครัว
ชาบู ชาบูนั้น เป็นภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่าเนื้อวัวสไลด์บางๆ แต่สำหรับภูเก็ตแล้วจะมีเฉพาะเนื้อวัวอย่างเดียวไม่ได้ เราจึงได้เพิ่มอาหารที่เป็นเนื้อหมู อาหารทะเล โดยเน้นที่ปลาและอาหารอื่นๆ ที่เน้นเรื่องของสุขภาพเป็นหลัก พร้อมด้วยน้ำซุปที่มีให้เลือก 2 แบบ ทั้งแบบน้ำข้นและน้ำใส รับประทานกับน้ำจิ้มรสเด็ดที่มีให้เลือกถึง 4 รสชาติ พร้อมข้าวผัด ข้าวสวย อาหารญี่ปุ่นประเภทข้าวปั้นหน้าต่างๆ ผลไม้ และเครื่องดื่ม ฯลฯ โดยที่เรามีจุดเด่นเน้นที่อาหารสด ใหม่ สะอาด และคุณภาพสูงเป็นหลัก พร้อมกันนี้เรามีหม้อสุกี้ให้เลือกทั้งที่เป็นหม้อรวมรับประทานร่วมกันหลายคน และหม้อส่วนตัวที่แยกเลือกอาหารตามความต้องการของตนเอง
นายชัยโรจน์ กล่าวอีกว่า หลังจากสาขาแรกที่โฮมเวิร์คได้รับการตอบรับที่ดี จึงได้ขยายการลงทุนเพิ่มโดยการเปิดสาขาสองที่ห้างสรรพสินค้าโลตัส เจ้าฟ้า ถ.เจ้าฟ้า ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยสาขาสองนี้สามารถรองรับลูกค้าได้วันละ 300 คน ซึ่งในช่วงแรกเราคาดหวังว่าจะมีลูกค้ามาใช้บริการไม่ต่ำกว่าวันละ 100-150 คน เนื่องจากสาขาที่โลตัสเจ้าฟ้า เป็นชุมชนที่มีคนอาศัยค่อนข้างหนาแน่น สามารถรองรับลูกค้าทางฝั่งถนนเจ้าฟ้าด้านในได้เป็นอย่างดี
สำหรับการลงทุนทั้งสองสาขานั้น ใช้เงินลงทุนไปทั้งสิ้น 12 ล้านบาท ซึ่งหลังจากเปิดสาขาสองแล้วยังไม่คิดที่จะเปิดสาขาต่อไป จะต้องรอดูผลการตอบรับก่อน และการเปิดสาขานั้นเราจะเลือกจุดที่มีชุมชนหนาแน่น บริเวณนอกเมืองมากกว่าใจกลางเมืองภูเก็ต เพื่อสร้างทางเลือกให้กับลูกค้า
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการขยายการลงทุนเปิดสาขาสอง จะอยู่ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ แต่เราก็อยากที่จะสร้างทางเลือกให้กับชาวภูเก็ต ในการที่จะเลือกรับประทานอาหารประเภทสุกี้สไตล์ญี่ปุ่นที่มีคุณภาพสูง แม้ว่าเศรษฐกิจตกต่ำจะมีผลกระทบต่อยอดขายของสาขาแรกที่เปิดไปก่อนหน้านี้แล้วประมาณ 30% ก็ตาม
ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำนี้ทางร้านได้จัดโปรโมชันตลอด เช่น ช่วงที่เปิดสาขาใหม่ฟรีค่าสมัครสมาชิกจนถึงสิ้นเดือนมีนาคมนี้ จากที่ค่าสมาชิก 200 บาท เพื่อใช้เป็นส่วนลด 10% และ 15% ที่ร้านเอกเขนก และในวันเปิดร้านใหม่วันแรกเราจัดโปรโมชั่นพิเศษสุดๆ ด้วยราคา 9 บาท ให้ลูกค้ารับประทานได้ครึ่งชั่วโมง เพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาสัมผัสและรู้จักชาบู ชาบูมากขึ้น หลังจากนั้นจะได้กลับมาใหม่อีก รวมทั้งในวันสำคัญที่เป็นวันพ่อและวันแม่ ลูกค้าพาคุณพ่อคุณแม่มารับประทานจะให้คุณพ่อและคุณแม่รับประทานฟรี ซึ่งสาขาแรกลูกค้าประมาณ 90% ที่มาใช้บริการจะกลับมาใช้บริการอีก และจะเป็นลูกค้าที่มากันเป็นครอบครัวเพราะมีความคุ้มค่ามาก
นายชัยโรจน์ กล่าวในตอนท้ายว่า นอกจากร้านอาหารโมะ โตะ ชาบู ชาบู แล้ว ตนยังได้ทำธุรกิจร้านเทเลอร์ ที่หาดป่าตอง ร้านจำหน่ายแว่นตา ที่หาดกะรน ร้านเอกเขนก ซึ่งเป็นผับในตัวเมืองภูเก็ต พร้อมด้วยธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยเข้ามาลงทุนทำธุรกิจในภูเก็ตตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งธุรกิจแต่ละประเภทก็เติบโตเป็นอย่างดี