ชุมพร- กำลังตำรวจป่าไม้ กว่า 20 นาย บุกจับโรงงานแปรรูปไม้เถื่อน ของคนดังพื้นที่จังหวัดชุมพร พร้อมตรวจยึดไม้สักไปตรวจสอบเกือบ 3,000 ท่อน
วันนี้ (24 มี.ค.) พล.ต.ต.ประสิทธิ์ ทำดี ผบก.ปทส. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชัชชม คล้ายคลึง ผกก.3 บก.ปทส.นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจป่าไม้ กว่า 20 นาย เข้าตรวจสอบโรงเลื่อยจักรนาดอน และโรงค้าไม้แปรรูป ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม เลขที่ 129/1 หมู่ 15 ต.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร พบว่า เป็นโรงงานแปรรูปไม้ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว้างขวางจำนวนหลายไร่ ซึ่งโรงงานดังกล่าวได้เปิดกิจการมานานกว่า 10 ปีแล้ว มีแรงงานทั้งชาวไทย และแรงงานต่างด้าวทำงานอยู่จำนวนมาก โดยโรงเลื่อยดังกล่าวแยกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย โรงค้าไม้แปรรูป โรงงานแปรรูปไม้ โดยใช้เครื่องจักร และโรงงานแปรรูปไม้ โดยใช้เครื่องจักร เพื่อประดิษฐ์
จากการตรวจสอบพบไม้สักท่อน ขนาดความยาว 2.5 เมตร จำนวน 2,719 ท่อน ปริมาตร 143.46 ลบ.ม.มีรอยตราขึ้นทะเบียนสวนป่า ชพ.06 ประทับไว้ ไม้สักท่อนไม่มีตราประทับใดๆ ของทางราชการ จำนวน 42 ท่อน ปริมาตร 2.89 ลบ.ม.และไม้แปรรูปหวงห้าม จำนวน 99 แผ่น ปริมาตร 0.51 ลบ.ม.
นอกจากนั้น ในส่วนของโรงงานแปรรูปไม้ โดยใช้เครื่องจักรเพื่อประดิษฐกรรม ตรวจสอบเบื้องต้นไม่ได้รับอนุญาตขอดำเนินการจัดตั้งโรงงานแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดตีตราไม้ทั้งหมดไว้เป็นของกลาง ดำเนินการตรวจสอบอีกครั้ง
ทั้งนี้ ภายหลังจากการตรวจสอบ พล.ต.ต.ประสิทธิ์ ทำดี ผบก.ปทส.กล่าวว่า โรงเลื่อยจักรนาดอน และโรงค้าไม้แปรรูปดังกล่าว มี นายศุภชัย แก้วพิชัย อายุ 59 ปี เป็นเจ้าของผู้ได้รับใบอนุญาต เบื้องต้นพบว่า มีความผิด 6 ข้อหาด้วยกัน คือ 1.เป็นผู้อนุญาตฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง และในกรณีเฉพาะเรื่องที่รัฐมนตรีได้กำหนดให้ผู้รับอนุญาตปฎิบัติเพิ่มเติมตามมาตรา 58 ซึ่งมีบทลงโทษตามมาตรา 73 ทวิ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484
2.มีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้าม (ไม้สักท่อน) อันยังไม่ได้ทำการแปรรูปโดยไม่มีรอยดวงตราค่าภาคหลวง หรือรอยตรารัฐบาล ขายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มีบทลงโทษตามมาตรา 69
3.มีความผิดฐาน เป็นผู้รับอนุญาตมีไม้อยู่ในครอบครอง นอกเหนือจากไม้ที่กำหนดตามมาตรา 51 เป็นความผิดตามมาตรา 72 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484
4.ตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนตามมาตรา 48 มีบทลงโทษตามมาตรา 73 แห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484
5.ความผิดฐานไม่แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบก่อนเริ่มประกอบกิจการโรงงาน ตามมาตรา 13 วรรค 1 มีความผิดตามมาตรา 51 ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 และ 6.มีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในความครอบครองเกิน 0.20 ลบ.ม.โดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามมาตรา 73 แห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484
พล.ต.ต.ประสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนไม้สักท่อนอีกจำนวน 2,791 ท่อน ที่กองรวมอยู่บนลานภายในโรงเลื่อย เบื้องต้นตรวจสอบมีรูปรอยตรา ชพ.06 เป็นตราขึ้นทะเบียนสวนป่า ตีประทับไว้ นั้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดไว้เช่นกัน เพื่อทำการตรวจสอบถึงแหล่งที่มาของไม้สัก ที่มีการขึ้นทะเบียนสวนป่า และการปฎิบัติในการตัดฟัน หรือโค่นหรือนำเคลื่อนที่ไม้สักนั้นว่า
ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ เงื่อนไขหรือไม่ หากพบว่า ไม่ถูกต้องก็ต้องดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป โดยได้ตรวจยึดไว้ทั้งหมด และส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าแซะ เพื่อสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย และออกหมายเรียก หรือหมายจับ นายศุภชัย แก้วพิชัย เจ้าของ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป