สุราษฎร์ธานี - “ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี” นำกำลังสนธิกว่า 200 นาย กวาดล้างเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ร่วมมือกับผู้นำชุมชน ตัดแบ่งพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกรุง ขายให้นายทุนไร่ละ 2 หมื่นบาท ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจเบื้องต้น พบพื้นที่ป่าถูกทำลายไปแล้วกว่า 5,000 ไร่ เตรียมเสนอย้ายหัวหน้าอุทยานฯ พร้อมตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกับผู้ที่เกี่ยวข้อง
วันนี้ (24 มี.ค.) พ.ต.อ.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รอง ผบก.หน.ศูนย์สืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมยศ แก้วบังเกิด ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ศสส.ภาค 8 และ ร.ท.กิตติศักดิ์ กาลเศรณี รอง ผบ.กองร้อยสารวัตรทหาร ค่ายวิภาวดีรังสิต นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8, สืบสวนตำรวจภูธร จ.สุราษฎร์ธานี และทหารค่ายวิภาวดีรังสิต กว่า 200 นาย
พร้อมหมายศาลเลขที่ 60/2552 แบ่งกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย จำนวน 16 จุด ของเครือข่ายผู้มีอิทธิพล ที่ทำการบุกรุกที่ดินของรัฐ ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง พื้นที่รอยต่อบ้านทับทหาร ม.24 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จำนวน 12 จุด และพื้นที่ ต.ปากหมาก ต.โมถ่าย อ.ไชยา อีก 4 จุด
โดยพื้นเป้าหมายหลักของ อ.ท่าชนะ เข้าตรวจค้นบ้าน นายอุตสาห์ อินทคีรี หรือ ผู้ใหญ่เท่ง อายุ 43 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.24 ต.ประสงค์ อยู่บ้านเลขที่ 125/44 ม.24 ต.ประสงค์, บ้านนายปิยะชัย คหวงศ์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 124/361 ม.24 ต.ประสงค์ สมาชิก อบต.ประสงค์ รวมทั้งบ้านบุคคลในเครือข่ายนายอุตสาห์ อีก 10 หลัง
จากการตรวจค้น ที่โรงจอดรถข้างบ้านนายอุตสาห์ พบไม้หวงห้ามจำพวก ไม้ตะเคียนทราย ถูกแปรรูปเป็นไม้หน้า 3 นิ้ว จำนวน 20 แผ่น และพบฐานรองอาวุธปืนลูกซอง จึงควบคุมตัวนายอุตสาห์ ไปดำเนินคดีข้อหา “ครอบครองไม้หวงห้าม” นอกจากนี้ ได้ยึดรถไถจาน สำหรับปรับสภาพพื้นที่จำนวน 2 คัน ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง
จอดใกล้หน้าบ้านนายอุตสาห์ไว้เป็นของกลาง และพบมีการบุกรุกภูเขาทั้งลูก ในสภาพใหม่ ที่บ้านทับทหาร ม.24 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ เนื้อที่ 200 ไร่ โดยตัดถนนขึ้นบนยอดเขา ซึ่งชาวบ้านแจ้งว่า มีกำนันทัด ไม่ทราบนามสกุล เป็นผู้ดูแลได้ขายภูเขาทั้งลูกให้นายทุนราคา 5 ล้านบาท
ในส่วนพื้นที่ อ.ไชยา เข้าตรวจค้นบ้านคนสำคัญ เช่น นายโรม ทิพย์เสนวงศ์ อายุ 64 ปี กำนัน ต.โมถ่าย อยู่บ้านเลขที่ 54 ม.4 ต.โมถ่าย, นายทรงเดช เพชรย้อย อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101/1 ม.4 ต.ปากหมาก บุตรเขย นายโรม และ บ้านนายเสรี พรหมพฤกษ์ อายุ 55 ปี เลขที่ 307/1 ม.1 ต.ตลาดไชยา พบอาวุธปืนอีกหลายกระบอก รวมอาวุธปืนของกลางประเภทต่างๆ 7 กระบอก พร้อมกระสุนอีกจำนวนหนึ่งไว้ตรวจสอบ เนื่องจากอาวุธปืนมีใบอนุญาต
ต่อมา นายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย พล.ต.ต.เทศา ศิริวาโท ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจ ตรวจสอบสภาพป่าทางอากาศพบ พื้นที่ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง ถูกบุกรุกแผ้วถางตัดโค่นต้นไม้ขนาดใหญ่-น้อยเป็นพื้นที่กว่า 5,000 ไร่ และยังพบมีการปลูกต้นยางพารา และปาล์มน้ำมัน อายุระหว่าง 1-3 ปี อีกจำนวนหลายพันไร่
ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ว่า มีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแกร่งกรุง ร่วมมือกับผู้นำชุมชนในพื้นที่ ทำการตัดพื้นที่ในเขตอุทยานฯ ขายเป็นแปลงราคาไร่ละ 2 หมื่นบาท
จึงส่งสายเข้าหาข่าว พบว่า เป็นความจริงจึงส่งกำลังเข้าทำการกวาดล้างจับกุมดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด และเสนอย้าย นายสุรวุฒิ สุทธมุสิก หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนด้านวินัยต่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด