ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ทางการประเทศมาเลเซียผ่อนปรนให้รถตู้นำเที่ยวจากประเทศไทยนำนักท่องเที่ยวเข้าไปยังมาเลเซียได้แม้จะเป็นรถที่ผิดกฎหมาย แต่ห้ามจอดรับผู้โดยสารในฝั่งมาเลเซีย และหาจะทางออกร่วมกันอีกครั้งเพื่อกำหนดข้อปฏิบัติร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ
จากกรณีที่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวรถตู้ไทย-มาเลเซีย ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รวมตัวร้องเรียนและยื่นหนังสือต่อสถานกงสุลใหญ่มาเลเซียประจำ จ.สงขลา รวมถึงนายสนธิ เตชานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีที่รถตู้นำเที่ยวไทย ถูกเจ้าหน้าที่มาเลเซีย ประจำด่านบูกิตกายูอิตัม ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับด่านสะเดา จ.สงขลา จับกุมและปรับเงินจำนวน 300 ริงกิตหรือ 3,000 บาท เนื่องจากใช้รถผิดประเภทแต่ไม่มีการออกใบเสร็จสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการรถตู้นำเที่ยวใน จ.สงขลา อย่างหนัก พร้อมกับขู่ที่จะปิดด่านและยกเลิกกรุ๊ปทัวร์ไทยที่จะเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในมาเลเซียในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในที่สุดปัญหาดังกล่าวก็ได้ข้อยุติ ทั้งนี้เมื่อวันที่ 21 มี.ค.นายวิทยา ลิ่ม หนึ่งในแกนนำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวรถตู้ไทย-มาเลเซีย เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานในระดับท้องถิ่นทั้งของไทยและมาเลเซีย ประกอบด้วย MR. MOHD ZUNAIDI NAIRIK ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วย UPP ด่านบูกิตกายูดิตัม เจ้าหน้าที่สำนักงานประสานงานชายแดนไทย-มาเลเซีย และตัวแทนของบริษัททัวร์ใน อ.หาดใหญ่ ได้ร่วมหารือเพื่อหาทางออกและมาตรการแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าว
โดยได้ข้อสรุปว่า ทางมาเลเซียจะยอมผ่อนปรนไม่จับกุมรถตู้นำเที่ยวของไทยที่นำนักท่องเที่ยวเข้าไปยังมาเลเซียแม้จะเป็นรถที่ผิดกฎหมายของมาเลเซียโดยจะมีการหาทางออกร่วมกันอีกครั้งระหว่างทางการของทั้งสองประเทศเพื่อกำหนดข้อปฏิบัติร่วมกันซึ่งจะนำไปสู่การส่งเสริมการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ
แต่ห้ามรถตู้ไทยรับลูกค้าไปมาเลเซีย ตั้งแต่หน้าด่านมาเลเซีย อย่างเด็ดขาดไม่ว่าจะเป็นลูกค้าสัญชาติใดๆ ก็ตาม เนื่องจากทางหน่วย UPP ได้รับการร้องเรียนจากคนขับรถแท็กซี่ของมาเลเซียว่ารถตู้ไทยรับลูกค้าในเขตมาเลเซียซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับรถแท็กซี่มาเลเซียด้วย เมื่อรถตู้ไทยออกจากบริษัททัวร์ ต้องมีรายชื่อลูกค้า และประทับตราของบริษัททัวร์นั้นๆ ยื่นให้หน่วยงาน UPP ตรวจสอบว่าตรงตามจำนวนลูกค้าในรถตู้หรือไม่ เนื่องจากไม่สามารถแยกรถตู้วิ่งเหมาหรือรถตู้ไทยวิ่งด่านจังโหลนได้
รถตู้ไทยไม่ต้องจ่ายค่าน้ำชาให้กับหน่วยงาน UPP และหากเจ้าหน้าที่มาเลเซียยังจับกุมให้ร้องเรียนไปยังหัวหน้าหน่วย UPP และรถตู้ไทยคันใดที่เคยถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้และได้จ่ายเงินจำนวน 3,000 บาทให้นำใบสั่งหรือใบเสร็จไปที่โรงพักซึ่งจะได้รับเงินคืนครึ่งหนึ่ง หรือถ้าไม่มีใบเสร็จใดๆ ให้บอกวันเวลาที่โดนจับเพราะมีการบันทึกผู้ที่เสียค่าปรับไว้
และสิ่งที่ทางการมาเลเซียได้เน้นเป็นพิเศษคือห้ามลักลอบบรรทุกอาวุธปืน สิ่งเสพติด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสิ่งผิดกฎหมายทุกประเภทหากตรวจพบเจ้าหน้าที่มาเลเซียจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด
จากกรณีที่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวรถตู้ไทย-มาเลเซีย ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รวมตัวร้องเรียนและยื่นหนังสือต่อสถานกงสุลใหญ่มาเลเซียประจำ จ.สงขลา รวมถึงนายสนธิ เตชานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีที่รถตู้นำเที่ยวไทย ถูกเจ้าหน้าที่มาเลเซีย ประจำด่านบูกิตกายูอิตัม ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับด่านสะเดา จ.สงขลา จับกุมและปรับเงินจำนวน 300 ริงกิตหรือ 3,000 บาท เนื่องจากใช้รถผิดประเภทแต่ไม่มีการออกใบเสร็จสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการรถตู้นำเที่ยวใน จ.สงขลา อย่างหนัก พร้อมกับขู่ที่จะปิดด่านและยกเลิกกรุ๊ปทัวร์ไทยที่จะเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในมาเลเซียในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในที่สุดปัญหาดังกล่าวก็ได้ข้อยุติ ทั้งนี้เมื่อวันที่ 21 มี.ค.นายวิทยา ลิ่ม หนึ่งในแกนนำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวรถตู้ไทย-มาเลเซีย เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานในระดับท้องถิ่นทั้งของไทยและมาเลเซีย ประกอบด้วย MR. MOHD ZUNAIDI NAIRIK ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วย UPP ด่านบูกิตกายูดิตัม เจ้าหน้าที่สำนักงานประสานงานชายแดนไทย-มาเลเซีย และตัวแทนของบริษัททัวร์ใน อ.หาดใหญ่ ได้ร่วมหารือเพื่อหาทางออกและมาตรการแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าว
โดยได้ข้อสรุปว่า ทางมาเลเซียจะยอมผ่อนปรนไม่จับกุมรถตู้นำเที่ยวของไทยที่นำนักท่องเที่ยวเข้าไปยังมาเลเซียแม้จะเป็นรถที่ผิดกฎหมายของมาเลเซียโดยจะมีการหาทางออกร่วมกันอีกครั้งระหว่างทางการของทั้งสองประเทศเพื่อกำหนดข้อปฏิบัติร่วมกันซึ่งจะนำไปสู่การส่งเสริมการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ
แต่ห้ามรถตู้ไทยรับลูกค้าไปมาเลเซีย ตั้งแต่หน้าด่านมาเลเซีย อย่างเด็ดขาดไม่ว่าจะเป็นลูกค้าสัญชาติใดๆ ก็ตาม เนื่องจากทางหน่วย UPP ได้รับการร้องเรียนจากคนขับรถแท็กซี่ของมาเลเซียว่ารถตู้ไทยรับลูกค้าในเขตมาเลเซียซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับรถแท็กซี่มาเลเซียด้วย เมื่อรถตู้ไทยออกจากบริษัททัวร์ ต้องมีรายชื่อลูกค้า และประทับตราของบริษัททัวร์นั้นๆ ยื่นให้หน่วยงาน UPP ตรวจสอบว่าตรงตามจำนวนลูกค้าในรถตู้หรือไม่ เนื่องจากไม่สามารถแยกรถตู้วิ่งเหมาหรือรถตู้ไทยวิ่งด่านจังโหลนได้
รถตู้ไทยไม่ต้องจ่ายค่าน้ำชาให้กับหน่วยงาน UPP และหากเจ้าหน้าที่มาเลเซียยังจับกุมให้ร้องเรียนไปยังหัวหน้าหน่วย UPP และรถตู้ไทยคันใดที่เคยถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้และได้จ่ายเงินจำนวน 3,000 บาทให้นำใบสั่งหรือใบเสร็จไปที่โรงพักซึ่งจะได้รับเงินคืนครึ่งหนึ่ง หรือถ้าไม่มีใบเสร็จใดๆ ให้บอกวันเวลาที่โดนจับเพราะมีการบันทึกผู้ที่เสียค่าปรับไว้
และสิ่งที่ทางการมาเลเซียได้เน้นเป็นพิเศษคือห้ามลักลอบบรรทุกอาวุธปืน สิ่งเสพติด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสิ่งผิดกฎหมายทุกประเภทหากตรวจพบเจ้าหน้าที่มาเลเซียจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด
