สุราษฎร์ธานี - เหตุก่อความวุ่นวายที่สุราษฎร์ธานี ยังไม่เลิกพบระเบิดอีก 2 ลูก ถูกคนร้ายลอบนำไปวางทิ้งไว้ห่างจากจุดที่พบ 2 ลูกแรก เมื่อคืนที่ผ่านมาประมาณ 500 เมตร โชคดีคนสติไม่สมประกอบดึงชนวนโทรศัพท์ออก ก่อนแบกเล่น เจ้าหน้าที่เก็บกู้ได้หมด ขณะที่ “รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี” เชื่อคนร้ายต้องการระเบิดเสาไฟฟ้า สร้างความวุ่นวาย ไม่ประสงค์ต่อชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ถึงความคืบหน้าคนร้ายไม่ทราบกลุ่ม และจำนวนก่อเหตุวุ่นวาย โดยการนำวัตถุระเบิดไปวางตามจุดต่างๆ ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะที่ป้ายหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ อ.กาญจนดิษฐ์ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ล่าสุด ช่วงบ่ายที่ผ่านมาวันนี้ (18 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดจากกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 41 ชุมพร
พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เข้าทำการเก็บกู้วัตถุระเบิด ที่พบเพิ่มอีก จำนวน 2 จุด ที่คนร้ายนำมาวางไว้บริเวณโคนเสาไฟฟ้าแรงสูง ริมถนนสายสุราษฎร์ธานี- บ้านนาสาร หมู่ 6 ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง ซึ่งคนร้ายได้วางระเบิดห่างจากจุดแรกที่พบเมื่อคืนประมาณ 500 เมตร เจ้าหน้าที่ใช้เวลาการเก็บกู้นานประมาณ 30 นาที จึงสามารถนำวัตถุระเบิดทั้ง 2 ไปทำลายยังที่ปลอดภัยได้สำเร็จ
จากการตรวจสอบพบว่า วงจรวัตถุระเบิดถูกแยกชิ้นส่วนออกจากกัน ออกจากตัวถังดับเพลิง จึงทำให้ระเบิดไม่ทำงานทั้ง 2 ลูก และยังพบว่า ห่างจากจุดที่พบวัตถุระเบิดทั้ง 2 จุด ไปประมาณ 300 เมตร พบกล่องจุดชนวนสีดำถูกทิ้งอยู่ในพงหญ้าข้าง พบว่า ภายมีโทรศัพท์ที่เชื่อมต่อวงจรจุดระเบิดครบสมบูรณ์
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนหน้านี้มีชายสติไม่สมประกอบได้ดึงเอาโทรศัพท์ที่อยู่ในกล่องจุดระเบิดในจุดที่ 1 และที่ 2 ไป พร้อมทั้งนำไปทิ้งในพงหญ้า จึงทำให้ระเบิดไม่ทำงาน
ด้าน พ.ต.อ.ดาวลอย เหมือนเดช รอง.ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี กล่าวในเบื้องต้นว่า ระเบิดที่พบใช้ในการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้ถังดับเพลิงบรรจุวัตถุระเบิด ปุ๋ยยูเรียกว่า 3 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ รัศมีการทำลายกว่า 200 เมตร ระเบิดทุกลูกมีการต่อวงจรพร้อมทำงาน โดยใช้จุดระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือ ซึ่งผู้ก่อเหตุจงใจให้เกิดระเบิดขึ้น เพื่อทำลายเสาไฟฟ้าแรงสูงที่ส่งกระแสไฟเข้าตัวเมืองสุราษฎร์ธานี เชื่อว่า คนร้ายต้องการก่อเหตุให้เกิดความวุ่นวายในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ไม่ประสงค์ต่อชีวิตของประชาชนแต่อย่างใด ซึ่งจะสืบสวนติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป