ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กงสุล สถานทูตออสเตรีย ประจำประเทศไทย นำญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่มมารับศพชาวออสเตรียที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต โดยเตรียมนำศพประกอบพิธีทางศาสนาที่จังหวัดภูเก็ต ขณะที่ซากเรือที่ค้นพบโดยเรือหลวงพฤหัสพบสภาพเรือแยกเป็น 2 ท่อนแต่ต้องรอพิสูจน์อีกครั้งว่าใช่หรือไม่
วันนี้ (11 มี.ค.) กงสุล สถานทูตออสเตรีย ประจำประเทศไทย นำญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่มได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตเพื่อยืนยันขอรับศพของของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่มโดยเจ้าหน้าที่พบศพเมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยศพดังกล่าวได้รับการยืนยันจากญาติว่าเป็น ศพของ นางเกเบริล เจสซิงเกอร์ (Gabrielle Jet zinger) ชาวออสเตรีย โดยมีเจ้าหน้าที่จากกงสุลออสเตรีย ประจำจังหวัดภูเก็ต และตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต ประสานงานดูแลอำนวยความสะดวกอย่างใกล้ชิด หลังจากนั้นทางคณะได้เดินทางต่อไปยังสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตเพื่อให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรอำเภอเมืองภูเก็ต รวมทั้งดูหลักฐาน แหวน และ นาฬิกา ที่ติดตัวมากับผู้เสียชีวิต เพื่อยืนยันว่าเป็นญาติ
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้เสียชีวิตรายนี้ในเบื้องต้นทางญาติมีความประสงค์ที่จะประกอบพิธีทางศาสนาที่จังหวัดภูเก็ต แต่อยู่ระหว่างการติดต่อประสานงาน
ส่วนความคืบหน้าปฏิบัติการค้นผู้สูญหายอีก 6 คนที่เหลือนั้น พ.ต.ท.วัลลพ พวงผกา สารวัตรสถานีตำรวจน้ำภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้าของการค้นหาผู้สูญหายและซากเรือที่จมว่า จากการประสานงานกับทางบริษัทฯ แจ้งว่าได้ส่งนักดำน้ำลึกลงไปค้นหาบริเวณจุดที่คาดว่าเรือจะจมแล้ว เบื้องต้นพบเพียงสิ่งของที่หลุดมาจากเรือ เช่น ถังออกซิเจน เป็นต้น แต่ไม่พบซากเรือซึ่งคงจะต้องมีการค้นหาต่อไป เนื่องจากจุดที่เรือจมระดับน้ำลึกถึง 71 เมตร การค้นหาจึงทำได้ยากลำบาก ดังนั้น ในการดำลงไปสำรวจต้องใช้นักดำน้ำที่มีความชำนาญเฉพาะที่มีเทคนิคอีกระดับ เพราะค่อนข้างมีอันตรายถึงชีวิต โดยมนุษย์กบที่ดำน้ำปกติจะอยู่ที่ระดับความลึกประมาณ 31 เมตร ทั้งนี้จะต้องปรึกษากับทางบริษัทเจ้าของเรือว่าจะดำเนินการอย่างไร แม้ว่าทางบริษัทได้ส่งนักดำน้ำที่มีความชำนาญไปแล้ว แต่ก็ค่อนข้างเสี่ยงมาก
อย่างไรก็ตาม ผลจากการค้นหาด้วยโซน่าของเรือหลวงพฤหัสของกองทัพเรือพบวัตถุทึบมีรอยแยกออกจากกันเป็น 2 ท่อน มีระยะห่างประมาณ 20 เซนติเมตร โดยเป็นภาพที่สะท้อนกลับมา เบื้องต้นประมาณ 80-90% คิดว่าน่าจะใช่ซากเรือดังกล่าว แต่ต้องมีการพิสูจนอีกครั้ง หากว่าใช่ก็จะได้ทำการผูกทุ่นมาร์กจุดไว้ จากนั้นก็จะได้ส่งนักดำน้ำลงไปเพื่อดูลักษณะของเรือว่าเป็นอย่างไร จะสามารถเข้าไปค้นหาด้านลำเรือได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.วัลลพ กล่าวถึงการกู้ซากเรือว่า คงเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง เพราะขณะนี้เน้นเรื่องของการค้นหาผู้ที่สูญหาย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะติดอยู่ในเรือ และจะนำออกมาได้อย่างไร เนื่องจากเรือลำดังกล่าวมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และจมในระดับความลึกมาก ซึ่งคิดว่าในส่วนของเมืองไทยยังไม่สามารถที่จะทำได้ แต่คงต้องรอมาหารือกันอีกครั้ง
วันนี้ (11 มี.ค.) กงสุล สถานทูตออสเตรีย ประจำประเทศไทย นำญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่มได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตเพื่อยืนยันขอรับศพของของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่มโดยเจ้าหน้าที่พบศพเมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยศพดังกล่าวได้รับการยืนยันจากญาติว่าเป็น ศพของ นางเกเบริล เจสซิงเกอร์ (Gabrielle Jet zinger) ชาวออสเตรีย โดยมีเจ้าหน้าที่จากกงสุลออสเตรีย ประจำจังหวัดภูเก็ต และตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต ประสานงานดูแลอำนวยความสะดวกอย่างใกล้ชิด หลังจากนั้นทางคณะได้เดินทางต่อไปยังสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตเพื่อให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรอำเภอเมืองภูเก็ต รวมทั้งดูหลักฐาน แหวน และ นาฬิกา ที่ติดตัวมากับผู้เสียชีวิต เพื่อยืนยันว่าเป็นญาติ
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้เสียชีวิตรายนี้ในเบื้องต้นทางญาติมีความประสงค์ที่จะประกอบพิธีทางศาสนาที่จังหวัดภูเก็ต แต่อยู่ระหว่างการติดต่อประสานงาน
ส่วนความคืบหน้าปฏิบัติการค้นผู้สูญหายอีก 6 คนที่เหลือนั้น พ.ต.ท.วัลลพ พวงผกา สารวัตรสถานีตำรวจน้ำภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้าของการค้นหาผู้สูญหายและซากเรือที่จมว่า จากการประสานงานกับทางบริษัทฯ แจ้งว่าได้ส่งนักดำน้ำลึกลงไปค้นหาบริเวณจุดที่คาดว่าเรือจะจมแล้ว เบื้องต้นพบเพียงสิ่งของที่หลุดมาจากเรือ เช่น ถังออกซิเจน เป็นต้น แต่ไม่พบซากเรือซึ่งคงจะต้องมีการค้นหาต่อไป เนื่องจากจุดที่เรือจมระดับน้ำลึกถึง 71 เมตร การค้นหาจึงทำได้ยากลำบาก ดังนั้น ในการดำลงไปสำรวจต้องใช้นักดำน้ำที่มีความชำนาญเฉพาะที่มีเทคนิคอีกระดับ เพราะค่อนข้างมีอันตรายถึงชีวิต โดยมนุษย์กบที่ดำน้ำปกติจะอยู่ที่ระดับความลึกประมาณ 31 เมตร ทั้งนี้จะต้องปรึกษากับทางบริษัทเจ้าของเรือว่าจะดำเนินการอย่างไร แม้ว่าทางบริษัทได้ส่งนักดำน้ำที่มีความชำนาญไปแล้ว แต่ก็ค่อนข้างเสี่ยงมาก
อย่างไรก็ตาม ผลจากการค้นหาด้วยโซน่าของเรือหลวงพฤหัสของกองทัพเรือพบวัตถุทึบมีรอยแยกออกจากกันเป็น 2 ท่อน มีระยะห่างประมาณ 20 เซนติเมตร โดยเป็นภาพที่สะท้อนกลับมา เบื้องต้นประมาณ 80-90% คิดว่าน่าจะใช่ซากเรือดังกล่าว แต่ต้องมีการพิสูจนอีกครั้ง หากว่าใช่ก็จะได้ทำการผูกทุ่นมาร์กจุดไว้ จากนั้นก็จะได้ส่งนักดำน้ำลงไปเพื่อดูลักษณะของเรือว่าเป็นอย่างไร จะสามารถเข้าไปค้นหาด้านลำเรือได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.วัลลพ กล่าวถึงการกู้ซากเรือว่า คงเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง เพราะขณะนี้เน้นเรื่องของการค้นหาผู้ที่สูญหาย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะติดอยู่ในเรือ และจะนำออกมาได้อย่างไร เนื่องจากเรือลำดังกล่าวมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และจมในระดับความลึกมาก ซึ่งคิดว่าในส่วนของเมืองไทยยังไม่สามารถที่จะทำได้ แต่คงต้องรอมาหารือกันอีกครั้ง
