รวบลูกนักธุรกิจชื่อดังเอี่ยวปล้นทองกลางเมืองหาดใหญ่ ช่วยญาติล้างหนี้พนันบอล

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - รวบแล้ว 1 โจรปล้นร้านทองหาดใหญ่คุมตัวทำแผนเงียบ เป็นลูกนักธุรกิจเมืองหาดใหญ่ เรียนที่"หอการค้า" รับหน้เที่คนขับรถดูลาดเลา ก่อนให้ญาติเป็นลงมือปล้น หาเงินใช้หนี้พนันบอล

วันนี้ (7 มี.ค.) เมื่อเวลา 07.00 น. พ.ต.อ.วีรสิทธิ์ เพ็ชรคล้าย รอง ผบก.ภ.จ.สงขลา พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงษ์ ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จ.สงขลา และพ.ต.ท.ศักดา เจริญกุล รอง ผกก.สส.ภ.จว.สงขลา และกำลังตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่และชุดสืบสวนของตำรวจภูธรจ.สงขลา ควบคุมตัว นายชัยยุทธ์ หรือปาล์ม ชลภักดี อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 ซอย 10 /1 ถนนเพชรเกษม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ลูกชายนักธุรกิจคนหนึ่งในเมืองหาดใหญ่และเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยหอการค้า หนึ่งในผู้ต้องหาที่ก่อเหตุปล้นร้านทองทรัพย์ไพศาล กลางเมืองหาดใหญ่ซึ่งเป็นร้านทองของหลาน พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาตำรวจนครบาล เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุบริเวณหน้าร้านทองทรัพย์ไพศาล โดยนายชัยยุทธ ทำหน้าที่ขับรถยนต์ ดูลาดเลาบริเวณร้านทองและเป็นคนขับรถไปรับผู้ต้องหาอีกคนหลบหนีหลังก่อเหตุเสร็จ

โดยนายชัยยุทธ ถูกตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา ร่วมกับตำรวจ สน.ดินแดงและตำรวจชุดสืบสวนนครบาล 1 จับกุมได้เมื่อสองวันที่ผ่านมา ที่ TKLD คอร์ท ถนนประชาสงเคราะห์ 27 เขตดินแดง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่กบดาน พร้อมตรวจยึดรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีดำ หมายเลขทะเบียน กน 7227 สงขลาที่ใช้ก่อเหตุ รองเท้าผ้าใบ สีขาว 1 คู่ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย จำนวน 1 เครื่องในขณะที่ผู้ต้องหาอีกคนคือ นายวัชระ ชลภักดี อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นญาติกันและเป็นคนลงมือปล้นได้ไหวตัวกันหลบหนีไปได้

เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหานายชัยยุทธร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะ ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

จากการสอบสวน นายชัยยุทธ ให้การรับสารภาพว่า ตนเองเป็นเพียงคนขับรถดูต้นทางและขับรถไปรับนายวัชระ หลบหนีขึ้นกรุงเทพฯ หลังจากที่ลงมือปล้นร้านทองสำเร็จโดยสาเหตุที่ได้ร่วมวางแผนปล้นร้านทองในครั้งนี้เนื่องจากนายวัชระเป็นหนี้พนันฟุตบอลจำนวนหลายแสนบาท แต่ไม่สามารถหาเงินมาใช้หนี้ได้ ที่แรกมีความคิดที่จะสังหารเจ้ามือโต๊ะบอลเพื่อล้างหนี้ แต่เปลี่ยนใจมาปล้นร้านทองแทน สำหรับทองคำทั้งหมดที่ขโมยไปได้ซึ่งมีน้ำหนักรวม 74 บาทนั้น นายวัชระ เป็นคนเอาไปทั้งหมดและบางส่วนได้ขายในตลาดมืดที่กรุงเทพฯและทราบว่าเหลืออยู่อีกไม่เกิน 20 บาท

อย่างไรก็ตามทางตำรวจยังคงออกไล่ล่า นายวัชระอย่างกระชั้นชิดโดยเชื่อว่าจะได้ตัวในเร็ว ๆ นี้อยู่ ในขณะที่การควบคุมตัว นายชัยยุทธ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้นมีการปิดเป็นความลับและไม่มีการแจ้งให้สื่อมวลชนทราบแต่อย่างใด